Getting your Trinity Audio player ready...
|
เมื่อเราบูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้วต่อจากนี้ไป ตั้งใจให้แน่แน่วมุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพานกันทุกๆ คนนะให้นั่งขัดสมาธิ โดยเอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย วางไว้บนหน้าตักพอสบายๆ ส่วนใครนั่งท่านี้ไม่ถนัด ก็ไม่เป็นไร ให้นั่งท่าที่สบายนะ
หลับตาของเราเบาๆ ค่อนลูก พอสบายๆ คล้ายๆ กับตอนที่เราใกล้จะหลับ อย่าไปบีบเปลือกตา อย่ากดลูกนัยน์ตา
ทำใจของเราให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น ให้สะอาด บริสุทธิ์ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ให้ปลดให้ปล่อย ให้วาง ทำใจให้ว่างๆ แล้วก็มาสมมติว่า ภายในร่างกายของเรา ปราศจากอวัยวะ ไม่มีปอด ตับ ม้าม ไต หัวใจ เป็นต้นสมมติให้เป็นที่โล่งๆ ว่างๆ เป็นปล่อง เป็นช่อง เป็นโพรง กลวง
ภายใน คล้ายๆ ท่อแก้วท่อเพชรใส่ ๆ แล้วเราก็รวมใจหยุดไปเลยที่ศูนย์กลางกาย ฐานที่ ๗ เหนือสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ กลางท้องของเรา
ถ้าตึงอย่าฝืน อย่าดันทุรัง
ส่วนม่านมี่ตึงเกร็ง เพราะตั้งใจมาก ต้องแก้ไข้นะลูกนะ แต่อย่าท้อ อย่าไปนั้งนับวันเวลาว่า เราเหลือเวลาอึกคงไม่นานมั้ง เพราะ เราอายุเยอะแล้ว เลยไปเร่งใหญ่ ทั้งๆ ที่ได้ยินได้ฟังคำแนะนำจากหลวงพ่อมาต่อเนื่องทุกคืน บางทีมันก็อดไม่ได้ ที่จะตั้งใจมากเกินไปต้องอดใจไห้ได้นะลูกนะ
แล้วก็อย่าไปฝืนทำวิธีที่ไม่ถูกต้อง มันจะทำให้เราตึง แล้วก็อย่าท้อใจ ความท้อเป็นอุปสรรคอย่างสำคัญ ยิ่งกว่าความสูงของภูเขาหิมาลัย หรือเขาสิเนรุ เสียอีกที่ขวางหนทางการเข้าถึงธรรม เปลี่ยนจากท้อมาทำเรื่อยไปทำด้วยความเบิกบาน ด้วยใจที่สบาย ๆ
ให้เชื่อหลวงพ่อเถอะว่า แม้มืดตื้อ มืดมิด ก็มีสิทธิ์เข้าถึงธรรมมีสิทธิ์จริงๆ ขอให้เราสบายๆ เริ่ม ณ จุดที่สบาย ตรงไหนก่อนก็ได้ เราเข้าใจเรื่องหลักวิชชาแล้วว่า จะเริ่มจากตรงไหนก่อนก็ได้ แต่ตอนท้ายเมื่อใจนุ่มนวลควรแก่การงานแล้ว ก็ค่อยมาตั้งไว้ที่ฐานที่ ๗ หรือบางทีก็ลงมาเองเลย เพราะฉะนั้นให้เริ่มต้นตรงนี้
คนฟุ้ง ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไร เพราะเดี๋ยวก็หายฟุ้ง แต่ตึงเพราะความอยาก หลวงพ่อเป็นห่วง จะไปฝืนดันทุรังทำด้วยวิธีผิดๆ ต้องแก้ไขนะลูกนะ อย่าไปฝืนทำ หรือดันทุรังทำในสิ่ง ที่ไม่ใช่หลักวิชชา ค่อยๆ ปรับไป
ใจเย็นนี่สำคัญนะ ใจเย็นๆ ค่อยๆ ทำ ค่อยเป็น ค่อยไปค่อยสั่งสมความละเอียด ไม่มีทางลัดอื่นใด นอกจากค่อยๆปรับไปเรื่อยๆ ให้นิ่งๆ นุ่มๆ ละมุนละไมเสียก่อน จนกระทั่งเกิดความรู้สึกว่า เออ ตัวเริ่มจะโล่งโปร่งแล้ว เริ่มไม่อึดอัดไม่ทึบ ไม่เกร็ง รู้สึกว่าเริ่มสบาย แต่มันไม่เห็นอะไรหรอก มันยังมืดอยู่ ยังไม่มีแสงสว่างเกิดขึ้น แม้ฟ้าสางๆ ก็ยังไม่เกิด ก็ช่างมันให้นิ่งๆ นะลูกนะ
นิ่งๆ ไว้ นุ่มๆ สบายๆ รักษาตรงนั้นไปเรื่อยๆ โดยไม่กำหนดวันเวลา วันคืนจะล่วงไปแค่ไหนก็ช่างมัน อย่าไปกังวลเรากำหนดใจให้นิ่ง อย่าไปกำหนดเวลา มันผิดสูตรนะ ให้นิ่งๆสบายๆ เดี๋ยวจะได้ เดี๋ยวได้จริงๆ ให้ใจค่อยละเอียดลงไปละเอียดลงไป
จนกระทั่งสักวันหนึ่งเราจะมีความรู้สึกว่า เออ วันนี้เวลาหมดไปเร็วเหลือเกิน เราอยากนั่งต่อ ไม่อยากลืมตาเลย ไม่อยากขยับตัวเลย นั่นแสดงว่าเรานั่งถูกต้องแล้ว ถูกหลักวิชชาแล้ว จำวิธีการให้ดีว่า เริ่มต้นเราทำอย่างไรแล้วมันนิ่งอย่างนี้ ก็ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งใจก็จะถึงศูนย์กลางกายเอง และยิ่งเราขยันทำการบ้าน มันจะมืดตื้อมืดมิดจะทึบอย่างไร ก็มีสิทธิ์เข้าถึงธรรมแน่นอน
แก้ฟุ้ง
ฟุ้งไม่ยาก แก้ง่าย ก็แค่ลืมตาบ้าง หรี่ตาบ้าง ดูดวง ดูองค์พระ เราจะหลับตาลืมตาสักกี่ครั้งก็ได้ ไม่มีใครว่า ไม่ผิดหลักวิชชา อย่าไปฮึดฮัด ให้นั่งสบายๆ อย่าไปหงุดหงิดรำคาญความฟุ้งที่เราไม่ต้องการ ยิ่งรำคาญ จิตจะยิ่งหยาบ ความรำคาญก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเราไม่รำคาญ ความรำคาญก็หมดไป ความเบาสบายก็จะเข้ามาแทนที่ จากฟุ้งมาก ก็จะมาฟุ้งน้อย จากฟุ้งน้อยก็ไม่ฟุ้ง มันจะนิ่งเอง
ถ้าฟุ้งแล้วเครียด ตึงแล้วเครียด หลวงพ่อแนะว่า ให้หลับไปเลยดีกว่า นึกว่าเรานั้งหลับพักผ่อนอยู่ในกลาง เพราะมีบางท่านหลับพักผ่อนในกลาง เออ ดี ใจใกล้ศูนย์กลางกายเข้าไป เรื่อยๆ เลย ห่างเซ็นต์ครึ่ง ห่างครึ่งเซนต์ บางคนเป็นอย่างนั้น มีหลากหลาย
พยายาทต่อไปนะ ฝึกหยุดฝึกนิ่งกันไป ไม่ต้องคำนึงถึงมืด หรือสว่าง เห็นภาพหรือไม่เห็นภาพ เราจะฝึกหยุด ฝึกนิ่ง ให้ใจหยุดกับนิ่งอย่างเดียวไปเรื่อยๆ ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยสังสม เดี๋ยวจะสมหวังดังใจกันทุกคน
คืนนี้ก็เช่นกัน ถ้าง่วงก็ปล่อยให้หลับ เมื่อยก็ขยับเบาๆ ฟุ้งก็ลืมตา ดูดวงแก้ว ดูดงค์พระ ดูคุณยาย ดูหลวงปู่ พอใจสบายก็ค่อยๆ น้อมไปเอ้า ฟุ้ง ลืมตาขึ้นมาใหม่ สู้กับมัน ให้ลูกทุกคนสมหวังดังใจในการเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวคืนนี้ ต่างคนต่างนั้งกันไปเงียบๆ นะ
วันศุกร์ที่ ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๕