อยู่ในระหว่างการทดสอบการใช้งาน

บ่มอินทรีย์

Getting your Trinity Audio player ready...

ตั้งใจหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันนะ หลับตาเบา ๆ สบาย ๆ ทำใจของเราให้เบิกบาน แช่มชื่น ให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส แล้วก็หยุดใจไปที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งอยู่ในกลางท้องของเราอย่างสบาย ๆ

จะตรึกนึกถึงดวงใส หรือองค์พระใส ๆ ก็ได้นะ หรือภาพองค์พระกลางดวงแก้วก็ได้ หยุดเบา ๆ หรือวางใจสบาย ๆ ให้ใจหยุดในหยุด นิ่งในนิ่งลงไป

อย่ากดลูกนัยน์ตา อย่ากังวลศูนย์กลางกาย

อย่าเอาลูกนัยน์ตากดลงไปดูนะ ตาเราก็ยังอยู่ที่เดิม เพราะมันไม่เกี่ยวกับกายเนื้อ นัยน์ตาเนื้อ เราหลับแค่สบาย ๆ

ถ้ากังวลกับศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ มากเกินไป ก็นึกว่าศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ขยายออกไปสุดขอบฟ้า แล้วเราเข้าไปอยู่ตรงกลางแล้ว เป็นศูนย์กลางของสรรพสัตว์สรรพสิ่งทั้งหลาย ทำใจเราให้นิ่ง ๆ จะนึกว่าเราอยู่ในองค์พระ หรือองค์พระอยู่ในตัวเราก็ได้

ค่อย ๆ ฝึกกันไปเรื่อย ๆ ทุกวัน อย่าท้อนะ ต้องขยันฝึกกันไป ยิ่งถ้าเราให้โอกาสกับตัวเราเอง ทำหยุดทำนิ่ง ทำใจใส ๆ ใจก็จะคุ้นเคยกับศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ มากขึ้นไปเรื่อย ๆ แหละ

 

ที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง

นี่เป็นกิจสำคัญของเรานะ เป็นงานที่แท้จริงสำหรับการมาเกิดเป็นมนุษย์ เพราะเวลาจะละโลกเขาตัดสินกันด้วยบุญด้วยบาป ใครใจใสใจหมอง ถ้าผ่องใสไม่เศร้าหมองก็ไปสุคติโลกสวรรค์ ถ้าเศร้าหมองไม่ผ่องใสก็ไปอบาย จะมีภพภูมิที่รองรับเราอยู่ แล้วแต่ละภพภูมิก็จะมีช่วงระยะเวลายาวนานมาก ถ้าสุขก็สุขนาน ถ้าทุกข์ก็ทุกข์นาน

นี่เป็นเรื่องราวของชีวิต ชีวิตใหม่หลังจากตายแล้ว เพราะเราต้องตายกันทุกคน และเราก็เคยตายกันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่เราก็ลืมไป พอมาเกิดใหม่ก็ลืมอีก แล้วก็ไม่อยากตาย กลัวตาย

ถ้ากลัวตาย ก็ต้องกลัวให้ถูกหลักวิชชาคือ สั่งสมบุญกันไว้ทั้งทาน ศีล ภาวนา ทำให้
มากๆ แล้วความกลัวตายก็จะค่อย ๆ ลดลงไปเรื่อย ๆ เพราะว่ากลัวก็ตาย ไม่กลัวก็ตาย แต่ว่าเราก็มีความพร้อมที่จะตาย

ยิ่งถ้าหากเราปฏิบัติธรรมได้เห็นดวงใส เห็นองค์พระใส ๆ ความตายนั้นก็ไม่เป็นสิ่งที่น่ากลัวเท่าไร แม้กายหยาบจะทุกข์ทรมานด้วยโรคภัยไข้เจ็บที่เกิดจากวิบากกรรมที่เราทำไว้ในอดีตก็ตาม มันก็ทรมานได้แค่กายหยาบ แต่ว่าใจจะผ่องใส เพราะว่ามีดวงธรรม มีองค์พระ เป็นสรณะ เป็นที่พึ่งที่ระลึก เป็นที่ยึดที่เกาะของใจ

ใจมันจะใส แล้วก็จะดึงดูดทุกๆ บุญที่เราได้ทำผ่านมาซึ่งบางบุญเราก็นึกไม่ออก ลืมไปแล้ว แต่มันก็จะมาฉายให้เห็นเป็นภาพ ที่เรียกว่า กรรมนิมิต ให้เราเห็นได้ชัดเจนด้วยตัวของเรา จะเป็นภาพที่ดีบังเกิดขึ้น ซึ่งจะนำมาซึ่งความปีติ ความปลื้ม ความผ่องใสของดวงจิต

เพราะฉะนั้น คำว่า ที่พึ่งที่ระลึก มันลึกซึ้ง คือ พึ่งได้ทั้งในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ พึ่งได้ในขณะที่กำลังจะหมดชีวิต พึ่งได้กระทั่งตายแล้ว พึ่งได้ตลอดเวลาเลย คือไปถึงตรงนั้นนะ ที่เราเข้าถึงดวงธรรม หรือองค์พระ ใจจะใส จะสบาย ความทุกข์มันจะไม่แล่นกลับไป แม้ว่าภายนอกบางครั้งเราอาจจะอัตคัดขาดแคลนวัตถุสิ่งของ เครื่องอุปโภคบริโภค ของกิน ของใช้ แต่ว่าใจยังใสอยู่ แล้วเมื่อถึงตอนถอดกาย เราก็จะละ
จากโลกนี้ไปอย่างสง่างาม

บ่มอินทรีย์

ปัจจุบันนี้เรายังมีกายมนุษย์อยู่ เราก็จะต้องใช้กายมนุษย์ของเรา และสิ่งที่เรามีอยู่นี้ทำแต่ความดีล้วน ๆ ทั้งทาน ศีล ภาวนา สิ่งทั้งหลายในโลกนี้ก็เป็นแค่ของอาศัยกันชั่วคราวเท่านั้นแหละ จะเป็นคน เป็นสัตว์ เป็นสิ่งของ มันก็ชั่วคราว เพราะฉะนั้นก็อย่าไปผูกพันอะไรกันมากมายนัก เอาแค่ว่าพึ่งพาอาศัยไว้สร้างบารมีกัน ไม่ว่าจะเป็นตึกรามบ้านช่อง ที่ดิน รถรา สมบัติอะไรพวกนี้ ลาภ ยศ สรรเสริญ มันชั่วคราวกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นอย่าไปหลงทาง ถ้าหลงทางแล้วมันจะห่างไกลกัน

การปฏิบัติธรรมทุกวันจะช่วยให้เรามาได้ถูกทาง แล้วหนทางที่ถูกนี้ก็จะค่อย ๆ แจ่มแจ้งขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ถ้าเราไม่ท้อกันเสียก่อน เราก็จะค่อยๆ เข้าใจไปทีละเล็กทีละน้อย เหมือนเราค่อย ๆ บ่มอินทรีย์ของเรา บ่มกาย บ่มวาจา บ่มใจ บ่มศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา เป็นต้น

ถ้าพูดง่ายๆ บ่มกายวาจาใจของเราให้ค่อย ๆ แก่รอบขึ้น บ่มไปเรื่อย ๆ เหมือนการเร่งความสวยของเพชรพลอยด้วยความร้อนอย่างนั้นแหละ บ่มไป หรือเหมือนบ่มผลไม้ให้สุกงอม

เพราะฉะนั้น เราหลับตาแล้วยังมืดอยู่ ก็อย่าไปคิดว่า ไม่ก้าวหน้า หรือไม่ได้อะไรเลย เรากำลังบ่มอยู่ ค่อยๆ ทำไป มันก็ค่อย ๆ คุ้น ค่อย ๆ ชำนาญไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็ค่อย ๆ สาง ค่อย ๆ สว่าง ค่อยแจ่มแจ้งขึ้นไปเรื่อย ๆ ก็จะเข้าถึงดวงธรรม องค์พระภายในได้เองในภายหลังค่อย ๆ บ่มไป

ภายนอกเราก็ทำความดีไปเรื่อย ๆ สิ่งไม่ดีเราก็ไม่ทำแล้วก็ทำใจให้ใส ๆ

วันอาทิตย์ที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗

บทความที่เกี่ยวข้อง