อยู่ในระหว่างการทดสอบการใช้งาน

สยบ..ไสยเวท

Getting your Trinity Audio player ready...

หากใครได้ศึกษา ถึงประวัติของหลวงปู่ ก็จะพบว่าท่านเป็นผู้มีอัธยาศัยรักในการศึกษามาก ซึ่งหลังจากบวชแล้ว ท่านก็เอาจริงเอาจังกับการศึกษาทั้งด้านปริยัติ ปฏิบัติ แสวงหาความรู้แทบทุกแขนงคือ วิชาไหนที่ใครว่าดี ท่านไปศึกษามาหมด ไม่ว่าจะเป็นด้านยา วิชาแพทย์แผนโบราณ วิชาโหราศาสตร์ไสยเวท วิชาวิทยาธร หรือแม้แต่วิชาเล่นแร่แปรธาตุ ทำทองแดงให้กลายเป็นทองคำ ท่านก็ทำได้ ซึ่งท่านบอกว่า สูตรของท่านเอามาจากพรหมโลก ที่หลวงปู่พูดอย่างนี้ เพราะว่ามีอยู่คราวหนึ่ง มีพระที่เล่นแร่แปรธาตุมาหาหลวงปู่แล้วบอกว่า สมัยปู่ของปู่..ของปู่..ของปู่ ได้ทดลองเล่นแร่แปรธาตุมาแล้ว แต่ก็ยังทำไม่สำเร็จสักที จึงสรุปเขียนใส่ไว้ในใบลานว่า “กูชื่อไอ้ทองแดง เท่าปีกริ้น..ปีกยุง ยังไงกูก็ไม่เป็นทองคำ” ซึ่งแปลว่า แม้ทองแดงจะมีน้อยนิดขนาดเท่าปีกของตัวริ้น หรือมีน้อยเท่าขนาดปีกของยุง ก็ไม่อาจเปลี่ยนเป็นแร่ทองคำได้ ไม่ว่าจะเอามาทำอย่างไร และพอพูดอย่างนี้ .หลวงปู่ท่านก็บอกว่าแต่สูตรของท่านเอามาจากพรหมโลก จากนั้นท่านก็ลองวิชาเปลี่ยนทองแดงให้เป็นทองคำ ปรากฏว่าทำได้จริง ๆ จนโยมแผ้ว และหลวงพ่อวัดลำพญา ซึ่งในสมัยนั้นอายุเพียง 12 ขวบ ดูแล้วก็นั่งหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ๆ ซึ่งหลวงปู่ก็บอกว่า “เฮ้ย..แผ้ว เอ็งดูนะ หลวงพ่อทำได้แล้วนี่ นี่นะ..ถ้าอยู่ทางโลกก็รวยทีเดียว” แต่พอหลวงปู่ท่านทำได้แล้ว ท่านก็เลิก คือ ท่านต้องการแค่พิสูจน์ว่าทำได้…

     และที่น่าทึ่งมากไปกว่านั้น ก็คือ ไม่ว่าหลวงปู่จะศึกษาวิชาใด..ท่านก็สามารถไปถึงที่สุดของวิชานั้นได้ และไม่ว่าครูที่สอนท่านทำได้แบบไหน..ท่านก็ทำได้แบบนั้น แต่สุดท้ายเมื่อท่านค้นพบวิชชาธรรมกาย ซึ่งเป็นวิชชาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ท่านก็เลิกวิชาเหล่านี้ทั้งหมด เพราะท่านบอกว่า วิชาพวกนี้..สู้วิชชาของพระพุทธเจ้า ไม่ได้เลย นื่องจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า วิชาพวกนี้..เป็นเดรัจฉานวิชา คือ เรียนแล้วยังติดข้องอยู่ในอบาย…

     ซึ่งเรื่องราวที่เกี่ยวกับการการแสดงฤทธิ์ทางด้านไสยเวทของหลวงปู่ หลวงพ่อวัดลำพญาเล่าไว้ว่า ในสมัยที่หลวงพ่อวัดลำพญาเป็นเด็กวัด อายุ 12 ขวบนั้น ท่านมีหน้าที่ช่วยหลวงปู่รับแขก คือ วันหนึ่งมีพระธุดงค์ 3 รูป ห่มจีวรสีกรักออกมาจากป่า มาขอเรียนวิชาไสยเวทจากหลวงปู่ และขอร้องให้หลวงปู่แสดงวิชาให้ดู หลวงปู่ท่านก็เลยปั้นตุ๊กตาดินเหนียว 2 ตัว วางไว้ห่าง ๆ กัน ซึ่งปกติแล้วเวลาปั้นเสร็จ จอมขมังเวททั่ว ๆ ไป จะต้องท่องคาถาหรือเสกก่อนตุ๊กตานี้ถึงจะขยับได้

     แต่สำหรับหลวงปู่ พอท่านปั้นเสร็จ ท่านก็แค่มองดูเฉย ๆ โดยไม่ต้องเสก ไม่ต้องเป่า แต่จู่ ๆ ตุ๊กตาดินเหนียวนั้น..ก็วิ่งพุ่งเข้าชนกันทันที จากนั้นหลวงปู่ก็สาธิตวิธีทำวัวธนู โดยเอาตอกจากโรงครัวมาจักสานเป็นวัวธนู ซึ่งพอทำเสร็จ วัวธนูนั้นก็ขยับทำท่าจะบินได้ทันทีซึ่งหลวงปู่บอกว่า ถ้าเป่าพรวดเดียวก็บินไปทันที

     จากนั้น หลวงปู่ก็สาธิตวิธีทำนะหน้าทอง ซึ่งหลักการของวิชานี้ก็คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้แผ่นทองคำเปลวมันเข้าไปอยู่ในร่างกายมนุษย์ ซึ่งส่วนมากเขาจะเสกให้เข้าไปอยู่ที่กระหม่อมและตามส่วนๆ ของใบหน้าซึ่งพอเสกเข้าไปแล้วแผ่นทองนี้จะอยู่ในร่างกาย ไปจนกระทั่งตาย เพราะเชื่อว่าเป็นการทำให้มีเมตตามหานิยม

     ซึ่งกรรมวิธีการทำ..ก็จะเอาทองคำเปลวแปะลงบนหน้าที่ทานํ้ามันเอาไว้ แล้วก็เสกคาถาคลึงจนทองเปลวเข้าไปแปะอยู่ในกะโหลก แต่ถ้าผู้ที่มีอาคมแก่หน่อย เวลาแปะทองแล้ว..ก็ไม่ต้องคลึง คือ เสกคาถาแล้วก็แค่มอง ๆ แล้วทองก็จะวืดเข้าไปในกะโหลกเอง แต่ถ้าเป็นพวกที่มีอาคมแก่ในระดับขั้นเทพ ก็แค่เอาแผ่น ทองคำเปลวที่ยังไม่ลอกกระดาษหุ้มออก วางไว้ที่ มือเท่าจำนวนแผ่นที่ต้องการ แล้วก็เสกคาถาเป่าพ่วงเดียว..ทองก็จะเข้าไปในร่างกายทันที

     หรือถ้าเป็นพวกที่อาคมแก่แบบสุด ๆ ในระดับขั้นเทพเรียกทวด พวกนี้ก็จะสามารถเป่าให้เข้าไปติดที่กระหม่อมของทารกที่อยู่ในครรภ์มารดาได้เลย และพอเด็กคลอดออกมาก็จะมีทองติดกะโหลกมาตั้งแต่เกิด และจะติดไปจนตาย อีกทั้งเวลาเอาศพไปเผากะโหลกก็จะไม่ไหม้ แต่กลับเป็นสีทองผ่องอำพันอย่างน่าอัศจรรย์

     แต่สำหรับการทำนะหน้าทองของหลวงปู่นั้นไม่ว่า จะเป็นปรมาจารย์ขั้นเทพ..เรียกทวดแล้ว ทวดอีกขนาดไหนก็สู้หลวงปู่ไม่ได้เลย... เพราะการทำนะหน้าทองของหลวงปู่ท่านเริ่มจากการไม่มีทองคำเปลวเลยสักแผ่น เพราะท่านให้หลวงพ่อวัดลำพญา (ซึ่งในสมัยนั้นเป็นเด็กวัด) วิ่งไปเอาผ้าอาบน้ำฝนที่ตากไว้ที่ราวมาให้ จากนั้นท่านก็เอาผ้าอาบนำ้ฝนลูบปรื้ดขึ้นไปบนหน้าของท่าน และพอเอาผ้าออกปรากฏว่าหน้าของท่านกลายเป็นทองสุกปลั่งทั้งใบหน้า และพอท่านเอาผ้าลูบลง หน้าทองนั้นก็หายไปซึ่งพอพระธุดงค์ทั้ง 3 รปู เห็นหลวงปู่สามารถทำนะหน้าทองได้.. โดยไม่ต้องมีแผ่นทองคำเปลวเป็นสารตั้งต้นเหมือนปรมาจารย์ท่านอื่นๆ ก็เลยเกิดอาการตะลึงกันขนาดหนักรีบก้มลงกราบหลวงปู่กันยกใหญ่ เพื่อขอเรียนวิชา แต่หลวงปู่ท่านไม่สอน เพราะท่านบอกว่า.. “อย่าเลย..เรียนแล้วมันไปเพิ่มกิเลสไม่ใช่วิชาของพระพุทธเจ้า เรียนแล้วก็ไปนิพพานไม่ได้… แต่ “สัมมา อะระหัง” นี่สิ..เป็นทางมรรคผล เพราะไปนิพพานได้”

     แม้หลวงปูท่านจะพูดอย่างนั้นแต่หลวงพ่อวัดลำพญา (ซึ่งในสมัยนั้นยังเป็นเด็กวัดอายุ 12 ขวบ) พอได้เห็นหลวงปู่สามารถแสดงวิชาไสยเวทได้เก่งแบบสุดๆ ขนาดนั้น ท่านก็อยากจะเรียนอยู่ดีจึงพยายามเอาอกเอาใจประจบประแจงบีบนวดหลวงปู่ เพื่อขอให้หลวงปู่ช่วยสอนให้ แต่หลวงปู่ท่านก็ไม่ใจอ่อน จึงบอกว่า “เออ..!!วิชานี้มันมีกิเลส ข้าจะให้เอ็งเป็นสมภาร !!”

      ซึ่งตรงนี้หลวงพ่อวัดลำพญาท่านได้เล่าไว้ว่า “ตอนนั้นนะ…ความคิดที่จะบวชน่ะ ยังไม่มีเลย เพราะคิดแต่อยากจะมีเมียซึ่งพอเห็นหลวงปู่ท่านแสดงนะหน้าทอง ก็เลยอยากจะเรียนกับท่านเพราะคิดว่า..เราจะได้เป็นขุนแผนก็คราวนี้แหละ…”

 แต่ท้ายที่สุด..ญาณทัสสนะของหลวงปู่ก็แม่นเหนือความคาดหมายจริง ๆ เพราะต่อมาหลวงพ่อวัดลำพญาก็ได้มาบวชและได้เป็นสมภารจริง ๆ ตรงตามที่หลวงปู่บอกไว้ทุกประการ

     หรืออีกคราวหนึ่ง ที่หลวงปู่ท่านสยบพวกไสยเวท ซึ่งเรื่องนี้ ลุงสมจิตร ฉํ่ารัศมี (ซึ่งในอดีตเคยบวชเป็นเณรอยูู่กับหลวงปู่)ท่านได้เล่าว่ามีคนพาคนทรงคนหนึ่งมาขอให้หลวงปู่ช่วยชีวิตเนื่องจากคู่อริของคนทรงคนนี้ ไปจ้างพวกคนมีอาคมแก่ๆทำคุณไสยไล่ฆ่ามา ซึ่งขณะที่คนทรงกำลังอยู่กัลหลวงปู่นั้น จูู่ๆ ก็มีหุ้นขี้ผึ้งลอยพุ่งมาจากหน้าต่าง ดิ่งตรงเข้ามาหาคนทรงทันทีทําให้คนทรงตกใจร้องดังลั่น และเมื่อหลวงปู่เห็นดังนั้น ท่านก็ไปเอาแก้วน้ำมาครอบหุ้นขี้ผึ้งไว้ และด้วยอานุภาพของหลวงปู่ หุ้นขี้ผึ้งก็เสื่อมฤทธิ์หายแว็บ….กลายเป็นอากาศธาตุไปในทันที…

บทความที่เกี่ยวข้อง