Getting your Trinity Audio player ready...
|
(เมื่อเราได้สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้ไปตั้งใจเจริญสมาธิภาวนากันนะ…………)
…หลับบ้าง ตื่นบ้าง ฟุ้งบ้างก็ช่างมัน ให้สมํ่าเสมอ ฝึกไปเรื่อย ๆ ประกอบความเพียรไป โดยไม่ให้มีอะไรมาเป็นข้อแม้ ข้ออ้าง หรือเงื่อนไข เดี๋ยวใจก็จะคุ้นเคยกับศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ คุ้นเคยกับกลางท้อง คุ้นเคยกับการหยุดนิ่ง
หยุดนิ่งแม้เพียงนาทีเดียวนี่ก็คุ้มแล้ว สำหรับการเริ่มต้นนะ สักนาทีหนึ่ง แวบหนึ่ง ให้เราได้รู้จักกับประสบการณ์ภายในว่า ใจหยุดนิ่งเป็นอย่างไร แล้วเราก็จะเริ่มรู้สึกชอบ เกิดความพึงพอใจ เพราะหยุดนิ่งแค่นาทีเดียวเท่านั้น ความรู้สึกมันจะแตกต่างจากใจไม่หยุดราวฟ้ากับดินเลย เพราะกายมันจะเบา ใจจะเบาสบาย ตัวขยาย แล้วมันจะเบิกบาน แค่นาทีเดียว และเป็นครั้งแรก เราจะลืมไม่ลงเลย
แล้วก็จะเกิดความรู้สึกว่า มันคุ้มกับการที่เราขยันในการทำความเพียร เหมือนเป็นรางวัลเบื้องต้นสำหรับผู้ที่มีความเพียรอย่างสมํ่าเสมอ โดยไม่ให้มีอะไรมาเป็นอุปสรรค แค่นาทีเดียวเท่านั้นก็คุ้มแล้ว
แล้วถ้านาทีนั้นหยุดนิ่งได้สมบูรณ์แล้วมันสว่าง แสงสว่างแห่งความบริสุทธิ์ของดวงจิตที่สงัดจากกาม จากบาปอกุศลธรรม จากนิวรณ์ทั้ง ๕ สว่างแค่แวบเดียว นาทีเดียว บุญที่เกิดขึ้นจากความสว่างนั้นมันมากกว่าบุญที่เราเอาทรัพย์ไปสร้างโบสถ์ สร้างวิหาร ศาลาการเปรียญ สร้างวัดวาอาราม ซึ่งจะต้องใช้ทรัพย์มาก แต่มันเป็นบุญคนละประเภทกันนะ แต่ได้มากกว่า เพราะว่าเป็นต้นทางไปสู่พระนิพพาน
ประสบการณ์ ๑ นาทีนี้ หลวงพ่ออยากให้ลูกทุกคนได้รู้จัก ได้พบ และจะเข้าใจกับคำว่า นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ
เพราะความสุขอย่างอื่นสู้กันไม่ได้เลยกับใจที่หยุดนิ่ง เพราะเป็นความสุขแบบพูดไม่ออกบอกไม่ถูก หรือพูดง่าย ๆ ว่า จะหาความสุขชนิดนี้ไม่ได้จากการที่มีความสมบูรณ์พร้อมทางด้านวัตถุ สมบูรณ์ด้วยลาภยศสรรเสริญ มันเป็นความสุขที่ไม่ทราบว่าจะใช้คำใดมาพูดพรรณนาให้เข้าใจได้ เพราะภาษาของมนุษย์มันมีจำกัด ดังนั้นจะเข้าใจตรงนี้ได้ ต่อเมื่อเรามีประสบการณ์ภายใน แค่เพียง ๑ นาทีนั้นน่ะ
ทีนี้จาก ๑ นาทีนั้น มันก็จะเป็นแรงจูงใจให้เราอยากจะนั่งต่อไป ซึ่งแต่เดิมเราพยายามที่จะนั่ง ต้องฝืน ต้องพยายาม ต้องอดทน เพราะเรารู้ว่ามันดี อย่างน้อยก็ได้บุญ ทำให้จิตใจสงบ หรือเป็นอุปนิสัยของมรรคผลนิพพาน แต่ว่าพอใจหยุดได้จริง ๆ แล้ว มันอยากนั่งเอง มันอยากได้อารมณ์นั้นอีก แล้วก็อยากให้อารมณ์นั้นยาวนาน ซึ่งก็จะทำให้เราขยันหรือสมัครใจนั่ง นั่งอย่างมีความสุขสนุกสนานแบบบุญบันเทิงทีเดียว
เพราะฉะนั้นการทำถูกหลักวิชชาและต่อเนื่องด้วยความเพียรมีความสำคัญ ดังนั้นเราก็ต้องหมั่นทบทวนนะลูกนะ ที่เราฝึกอยู่ทุกวันว่า มันถูกต้องไหม ถูกหลักวิชชาไหม ตั้งแต่การวางใจว่ามีความสมัครใจอยากเห็นไหม มีสติ มีความสบายไหม และสมํ่าเสมอต่อเนื่องที่เรียกว่า สัมปชัญญะ หรือเปล่า ก็ให้หมั่นสังเกตดู แล้วก็ปรับไปเรื่อย ๆ ฝึกไปเรื่อย ๆ ฝึกไปปรับไป
ทำทุกที่ทุกเวลา
ใจนี่มันต้องปรับกันทุกรอบที่เรานั่ง และยิ่งถ้าเราเพิ่มชั่วโมงหยุด ชั่วโมงนิ่ง ชั่วโมงกลางในอิริยาบถอื่นที่นอกเหนือจากช่วงเวลาที่เรานั่ง ไม่ว่าจะเป็นการยืน การเดิน การนอน การวิ่งเอ็กเซอร์ไซส์หรือทำภารกิจอะไรก็ตาม เราเพิ่มการฝึกหยุดนิ่งไปด้วยก็จะทำให้เราคุ้นเคยกับศูนย์กลางกายมากขึ้น
หัดหมั่นตรึก “ตรึก” ก็คือการแตะใจไว้กลางกายอย่างเบา ๆ สบาย ไม่ได้แปลว่ากดใจหรือเน้น คือแค่ทำนิ่ง ๆ ที่กลางกาย แต่ไม่ใช่ว่าเน้นหนัก แต่ว่านิ่งแน่น นิ่งเฉย ๆ ตรึกไปเรื่อย ๆ
แต่เวลาลืมตานี่อยากแนะนำว่า ให้นึกเป็นภาพเอาไว้ จะเป็นดวงใส องค์พระใส ๆ หรือพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ของเรา อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ เพราะว่าเราลืมตาดูวัตถุภายนอก มันก็ต้องมีภาพภายในที่จะให้เรานึกถึง ไว้เป็นที่ยึดที่เกาะของใจ แล้วก็ควรทำทุกสถานที่ ไม่ว่าในห้องนํ้า ห้องส้วม กำลังจะขับถ่ายปัสสาวะ อุจจาระก็ทำได้ ไม่บาป แถมได้บุญด้วย เพราะว่าเป็นทางมาแห่งกุศล
เท่ากับเราไม่ปล่อยเวลาให้ว่างเปล่า เพราะเวลาในเมืองมนุษย์มีคุณค่ามาก เรามีเวลาอย่างจำกัดในโลกมนุษย์ และยิ่งช่วงระยะเวลาแห่งความแข็งแรงสดชื่นของร่างกายก็ยิ่งมีจำกัดใหญ่ เราจึงควรทำตลอดเวลาทุกหนทุกแห่งทุกสถานที่นะ
ฝึกกันไปเรื่อย ๆ ควบคู่กับภารกิจประจำวัน ให้ภารกิจกับจิตใจไปด้วยกัน เหมือนเราหายใจเข้าออกควบคู่กันไปกับภารกิจในชีวิตประจำวันอย่างนั้น
เมื่อเราไม่อาจขาดลมหายใจได้ เราก็ไม่ควรขาดการฝึกอย่างนี้คู่กันไป ฝึกไปบ่อย ๆ สิ่งที่ยากมันก็จะค่อย ๆ ง่ายขึ้นในภายหลัง ที่เคยมืดมันก็จะค่อย ๆ มีแสงสว่างเรืองรองขึ้นไปเรื่อย ๆ
อาทิตย์ที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗