(เมื่อเราได้สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้ไปตั้งใจเจริญสมาธิภาวนากันนะ……..)
…มรรคผลนิพพานมีอยู่ในตัวของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเช่นเดียวกับที่มีอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคน ต่างแต่ว่ามนุษย์ ทั่วๆ ไป ไม่รู้ว่ามีอยู่ แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ได้เข้าถึง จึงรู้ว่ามีอยู่ และรู้ว่ามนุษย์ทุกคนในโลกก็มีอยู่ เมื่อพระองค์ได้บรรลุแล้ว ด้วยพระมหากรุณาด้วยความปรารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์ เทวดา และสรรพสัตว์ทั้งหลาย จึงนำมาถ่ายทอด นำมาสั่งสอนว่า ให้ทำอย่างท่านอย่างนี้ แล้วก็จะได้บรรลุธรรมอย่างท่าน ทำอย่างท่านก็จะเป็นอย่างท่าน
แล้วก็มีหัวข้อปฏิบัติมากมาย รวมแล้วได้ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ และทรงสรุปย่อเป็นอริยมรรคมีองค์ ๘* (*อริยมรรคมีองค์ ๘ คือ ๑. สัมมาทิฐิ ๒. สัมมาสังกัปปะ ๓. สัมมาวาจา๔. สัมมากัมมันตะ ๕. สัมมาอาชีวะ ๖. สัมมาวายามะ ๗. สัมมาสติ ๘. สัมมาสมาธิ) ข้อปฏิบัติ เรียงไปตามลำดับ ๘ ข้อ เหมือนบันได ๘ ขั้น คือหนทางที่จะไปเป็นพระอริยเจ้า หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะทั้งหลาย ที่จะต้องทำตามรอยนี้ ผิดจากนี้ไปไม่ได้
ถ้าอยากหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะอย่างพระองค์ เพราะเห็นว่าชีวิตในสังสารวัฏเป็นทุกข์ ความแก่เป็นทุกข์ ความเจ็บเป็นทุกข์ ความตายเป็นทุกข์ ความพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์ ประสบสิ่งที่ไม่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์ ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้ สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์ เป็นต้น แล้วก็มีความโศกเศร้าเสียใจ คับแค้นใจ พร่ำพิไรรำพันอะไรต่าง ๆ เหล่านั้นบังเกิดขึ้น
ความทุกข์ทั้งหมดเกิดขึ้นมาเพราะมีการบังเกิดขึ้นของกายมนุษย์ เมื่อมีเกิด จึงมีแก่ มีเจ็บ มีตาย อย่างนี้ ถ้าจะไม่ให้ สิ่งเหล่านั้นบังเกิดขึ้น ก็ต้องไม่เกิดมาเป็นมนุษย์อีก ซึ่งจะเป็นอย่างนี้ได้ก็ต้องทำตามแนวทางนี้ บันได ๘ ขั้น หรือข้อปฏิบัติ
๘ ข้อ ที่เรียกว่า อริยมรรค ถ้าไม่ทำอย่างนี้ก็ไม่ได้
ถ้าไม่ปรารถนาจะเป็นอย่างท่านก็ไม่เป็นไร ก็มีทุกข์อยู่เรื่อย ไปจนชาชิน ทุกข์ในมนุษย์ยังพอทนได้ แต่ทุกข์ในอบายที่เราไม่เห็น ไม่รู้จัก มันทนได้ยากมาก ทรมานมาก แล้วมาบังเกิดขึ้นด้วยความไม่รู้ว่า ตัวเองยังไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้ แล้วยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรถึงจะพ้นทุกข์ ดับทุกข์ได้ก็ไม่รู้อีก มันจึงเป็นอันตราย
เมื่อพระองค์บังเกิดขึ้นแล้ว บรรลุแล้ว นำมาถ่ายทอดแล้ว ผู้มีบุญ มีปัญญาก็จะเงี่ยโสตสดับฟัง ตั้งใจฟัง เมื่อฟังใคร่ครวญด้วยสติปัญญาก็แจ่มแจ้งหายสงสัย เกิดปีติ เกิดกำลังใจ เกิดความสุขใจ เกิดฉันทะอยากจะเป็นอย่างพระองค์บ้าง ก็จะทำความเห็นให้ตรง สัมมาทิฐิ ก็จะเกิดขึ้น แล้วข้อปฏิบัติ อื่น ๆ ก็จะเรียงมาตามลำดับ คืออยากทำด้วยความสมัครใจเมื่อเข้าใจเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิตว่าต้องเป็นอย่างนี้แล้วก็สรุปในข้อสุดท้าย คือ สัมมาสมาธิ เป็นบันไดขั้นสุดท้ายที่จะก้าวเข้าไปสู่ความเป็นพระอริยเจ้า
พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ท่านสรุปว่า หยุดเป็นตัวสำเร็จ ตั้งแต่เบื้องต้นจนกระทั่งเป็นพระอรหันต์ คือ ให้มันง่ายเข้า ลัดเข้า เพราะว่าบางคนมีความพร้อมในการทำสมาธิ แต่ไม่พร้อมที่จะเข้าใจอีก ๗ ข้อ เลยอ้างว่า ไม่มีเวลาและอารมณ์บ้าง ติดโน่นติดนี่สารพัด เพราะฉะนั้นท่านก็ลัดตัดตอนว่า หยุดเป็นตัวสำเร็จ มาลงที่สัมมาสมาธิ ด้วยวิธีทางลัดตรงว่า จะเริ่มต้นจากอะไรลงท้ายก็สัมมาสมาธิ เมื่อเข้าถึงสัมมาสมาธิ คือใจหยุดนิ่งได้แล้วอีก ๗ ข้อ ก็จะเข้าใจเอง แล้วก็สมัครใจที่จะทำเช่นนั้น
เพราะฉะนั้น หยุดจึงเป็นตัวสำเร็จ
วันอาทิตย์ที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑