อยู่ในระหว่างการทดสอบการใช้งาน

ลูกไก่เจาะกระเปาะไข่

(เมื่อเราได้สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้ไปตั้งใจเจริญสมาธิภาวนากันนะ……..)

…หยุดนิ่งนี่สำคัญมาก
ให้หยุดนิ่งเฉย ๆ อย่างสบาย ๆ
ถ้าหยุดนิ่งได้ถูกส่วน เมื่อเราวางใจเป็น
ซึ่งมันจะถูกส่วนไปเอง จะเห็นภาพขึ้นมาเอง
จะชัดขึ้นมาเอง ใสขึ้นมาเอง สว่างขึ้นมาเอง

ชัด-ใส-สว่างขึ้นมาเองนะ ไม่ใช่เราไปทำให้มันชัด ให้มันใส ให้มันสว่าง จะชัด จะใส จะสว่างขึ้นมาเอง พร้อมกับใจที่สบาย เบิกบาน ตรงนี้สำคัญ การเห็นจะเป็นผลพลอยได้

บางท่านนั่งแล้วไม่เห็นก็กลุ้มใจ นึกว่านั่งแล้วไม่ได้ผล ไม่ใช่อย่างนั้นนะ มันต้องเป็นขั้นเป็นตอนไป บางคนเขาทำมาข้ามภพข้ามชาติ เขาก็จะเห็นได้ชัดเจนมาก ซึ่งเป็นบางคนเท่านั้น นาน ๆ ก็จะเจอสักคนหนึ่ง บางคนเมื่อเริ่มต้นใหม่นึกชัดเจนปานกลาง แต่ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยชัด จะรัว ๆ ราง ๆ เหมือนเราเอาของไปตั้งไว้ในที่สลัว ที่มัว ๆ อย่างนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยเห็น

เพราะฉะนั้น ถ้าหากว่ามันนิ่ง แต่ไม่เห็น ก็อย่าไปทุรนทุราย กระสับกระส่าย ตีโพยตีพาย เป็นเรื่องธรรมดา เราจะต้องเริ่มจากขั้นนี้ไปก่อน เมื่อใจนิ่งหนักเข้าก็จะสบาย จะโล่ง โปร่ง เบาสบายไปเอง เดี๋ยวก็สว่างขึ้นมาทีละน้อย จนกระทั่งสว่างมาก เมื่อสว่างมากเดี๋ยวก็จะเห็นภาพ มันก็เป็นขั้นเป็นตอนกันไปอย่างนี้

อย่าไปรำคาญ อย่าไปตีโพยตีพายว่า เราคงจะไม่มีบุญวาสนาได้เห็นธรรมะกับเขา บุญเราคงน้อย อย่าคิดอย่างนี้นะ เดี๋ยวจะท้อ และที่คิดมันก็ไม่ถูกด้วย ความจริงเรามีบุญมาก แต่เรายังทำไม่ถูกวิธี

เหมือนลูกไก่ที่อยู่ในกระเปาะไข่ ถ้ายังไม่ถึงเวลาก็ยังไม่ฟักออกมาเป็นตัว ถ้าเราไปเร่งวันเร่งคืน เอาไม้ไปทุบมัน นอกจากจะเปลืองแรงแล้ว ยังไม่ได้ลูกไก่มาให้เชยชมเสียอีก มีแต่ไข่ขาวไข่แดงเลอะเทอะไปหมดอย่างนั้นนะ มันต้องถึงเวลาถึงขีดถึงคราว

เราต้องหมั่นสั่งสมความละเอียด หมั่นสั่งสมการหยุดการนิ่ง มันเป็นอย่างนี้แหละ ฉะนั้นเรานั่งไม่เห็นน่ะ เรื่องธรรมดานั่งให้นิ่งเสียก่อน เห็นเป็นเรื่องรองลงมา เพราะอย่างไรเราก็ต้องเห็นอยู่ดี

วิธีแก้อุปสรรค ง่วง เมื่อย ฟุ้ง

ทีนี้เวลานั่ง บางท่านเพิ่งกลับมาจากที่ทำงาน มันง่วง ถ้าง่วงก็ปล่อยให้หลับไปนะ อย่าไปฝืน แต่หลับต้องมีเทคนิค หลับแล้วต้องได้บุญ จิตต้องบริสุทธิ์ด้วย หลับในกลางกายนั่นแหละ แต่หลับแล้ว พอเรารู้สึกตัวว่าร่างกายจิตใจสดชื่นแล้ว ก็ตื่นขึ้นมาทำความเพียรกันต่อไป เริ่มต้นใหม่อย่างง่าย ๆ เพราะฉะนั้นจำไว้ว่า ถ้าง่วงก็ให้หลับไป แต่หลับในกลาง

ถ้าเมื่อยเราก็ขยับ อย่าไปฝืนอิริยาบถ ไปนั่งเคร่งเครียดเกร็งมันจะปวดนั่นปวดนี่ ถ้าเมื่อยเราก็ขยับเอา แต่อย่าให้กระเทือนคนข้าง ๆ ขยับเบา ๆ นะ บางทีคนข้าง ๆ ใจเขากำลังจะละเอียด ถ้าเราไปขยับแรง มันไปกระทบกระเทือนถึงใจเขา ใจเขาก็จะถอนขึ้นมา เราต้องเอื้อเฟื้อต่อพี่น้องวงธรรมะของเรา

ถ้าฟุ้งก็ภาวนา สัมมา อะระหัง แต่ถ้าหากว่าภาวนาแล้วยังสู้ไม่ได้ ก็ลืมตามามองดูรูปคุณยายอาจารย์ของเรา ดวงตาท่านใสปิ๊งเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาและความเด็ดเดี่ยวและทรงภูมิรู้ภูมิธรรม ดูแล้วเราจะอบอุ่นใจ ใจเราจะสบาย จะเยือกเย็น พอหายฟุ้งเราก็หลับตาใหม่ ปรับเปลี่ยนแปลงยุทธวิธีกันอย่างนี้นะ

พอเราทำให้กายสบาย ใจสบาย คือ เอาใจร่างกายเอาใจสังขารเขาเสียหน่อย พอเขารู้สึกสบาย อีกหน่อยเขาก็จะตามใจเรา คือ เราจะเอาอย่างไร เขาก็จะเอาอย่างนั้น ตอนแรกให้ตามใจเขาไปก่อน พอตอนหลังเขาจะตามใจเรา นี่จำตรงนี้ให้ดีนะ จำ ถ้าจำตรงนี้ได้แล้วทำแบบนี้ ไม่ช้าการเข้าถึงธรรมก็จะอยู่ในกำมือของเราเลย ทำอย่างนี้ แค่นี้ เท่านั้น เดี๋ยวเราจะสมหวังดังใจ มีความสุขมากทีเดียว

ทำทุกอิริยาบถ

ชั่วโมงหยุด ชั่วโมงนิ่ง ชั่วโมงกลาง ต้องหมั่นสั่งสมในทุกอิริยาบถ นอกจากเวลานั่งแล้ว เวลายืน เวลาเดิน เวลานอน เราก็ตรึกเอาไว้ เวลาเราอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ขับถ่ายในห้องน้ำ เราก็ตรึกเอาไว้ ไม่บาปนะ อย่าเข้าใจผิดว่า นั่งนึกดวง นึกองค์พระในห้องน้ำเวลาขับถ่ายมันจะบาป เป็นสถานที่ไม่สมควร ไม่ใช่นะ

การทำความดี ทำจิตให้บริสุทธิ์ เราต้องทำทุกอิริยาบถและทุกสถานที่ และทุกกิจวัตรกิจกรรม ไม่ว่าจะทำมาค้าขาย จะตีกอล์ฟ หรือว่าจะทำภารกิจอะไรก็แล้วแต่ ตรึกเอาไว้ บางคนไปเห็นดวงใส ๆ ตอนตีกอล์ฟ คือ ใจตรึกตรงกลาง แล้วก็ตีไป พอลูกกอล์ฟลงหลุม ใจก็ตกศูนย์พัวะ เห็นดวงใสในกลางตัวเลย อย่างนี้ก็มีเหมือนกัน

เราใช้ทุกกิจวัตรกิจกรรมให้เป็นทางมาแห่งบุญ นำมาซึ่งความบริสุทธิ์ นำมาซึ่งการหยุดการนิ่ง อย่างนี้เรียกว่า ไม่ประมาท ไม่ชะล่าใจ เหมือนแม่ไก่กกไข่ คือ เฝ้าเพียรกกไข่จนกว่าจะเป็นตัว เวลาไปหาอาหารเสร็จใจก็จดจ่ออยู่ที่ฟองไข่ เดี๋ยวก็กลับมากกไข่ จนกว่าจะเป็นตัว เราก็ต้องกกใจของเราอยู่กลางกาย ให้เหมือนแม่ไก่กกไข่ เดี๋ยวใจเราจะใส ใจเราจะละเอียดจะเข้าถึงธรรมอย่างง่ายดาย สบาย ๆ

บางคนเข้าถึงธรรมตอนทอดปาท่องโก๋ นี่เป็นเรื่องคาดไม่ถึงทีเดียว เหมือนเข็มขัดสั้น ๆ ที่เราคาดไม่ถึงว่า เออ ขณะทอดปาท่องโก๋ ใจกำลังจดจ่อจะทอด แล้วก็จะขาย จะไปเห็นธรรมะได้อย่างไร คือ เขาทำจนเคยชิน สัมมา อะระหัง ไป ทอดไปเพื่อที่จะให้เกิดอานิสงส์ว่า ปาท่องโก๋นี้ถ้าใครได้รับประทานแล้วให้อร่อย มีรสโอชา ให้ไปช่วยปรับปรุงร่างกายสังขารของเขาให้แข็งแรง ให้สดชื่น ใจก็นึกเป็นกุศลอย่างนี้แล้วก็ภาวนาเรื่อยไป

จนกระทั่งวันหนึ่ง สิ่งที่ตัวได้สั่งสมเอาไว้ มันก็เกิดการรวมตัวจนถูกส่วน พัวะ ! ลงไปในกลางกาย เห็นดวงใสลอยมาจากกลางกายมาอยู่ที่ฐานที่ ๗ ขณะที่มือยังจับภาชนะคีบปาท่องโก๋ค้างอยู่ในกระทะเลย ใจสบาย แม้เหงื่อจะออกเพราะความร้อนจากเตา แต่ภายในเย็นฉ่ำ

จำวิธีการนี้ แล้วนำไปใช้ในทุกสาขาอาชีพนะ นอกจากเราจะได้บุญ จิตใจบริสุทธิ์ สั่งสมการหยุดนิ่งแล้ว ยังจะรวยด้วย เพราะฉะนั้นให้ทำอย่างนี้แหละ ทำไปเรื่อย ๆ อย่าให้ชีวิตผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ หายใจทิ้งเปล่าอย่างนั้น ไม่เอานะ

เรามีเวลาจำกัดในการสร้างบารมี ต้องใช้ทุกอนุวินาทีให้เป็นไปเพื่อการสร้างบารมี เป็นไปเพื่อการแสวงหาธรรมะภายใน หาที่พึ่งภายใน หาพระรัตนตรัยในตัว แล้ววิมานคือบ้านบนสวรรค์ของเรา ที่เราจะต้องไปอยู่ตอนที่เราละโลกไปแล้ว จะได้สุกใส สว่าง ไม่อายชาวสวรรค์ เวลาเขาถามว่า ได้วิมานอย่างนี้มาด้วยบุญอะไร เราก็จะได้ตอบอย่างองอาจ อย่างเบิกบานใจ แล้วก็อยากจะให้เขาถามด้วยซ้ำไป ต้องเป็นอย่างนี้นะ

เมื่อเข้าใจดีแล้ว ต่อจากนี้ไป ทำใจให้ใส ๆ ให้เยือกเย็น ให้บริสุทธิ์ ต่างคนต่างทำกันไปเงียบ ๆ นะ

วันเสาร์ที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕

บทความที่เกี่ยวข้อง