Getting your Trinity Audio player ready...
|
เมื่อเราได้สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้ไปตั้งใจให้แน่แน่วมุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพานกันทุก ๆ คนนะ ให้นั่งขัดสมาธิโดยเอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย วางไว้บนหน้าตักพอสบาย ๆ หลับตาของเราเบา ๆ ค่อนลูก พอสบาย ๆ คล้าย ๆ กับตอนที่เราใกล้จะหลับ อย่าไปบีบเปลือกตา อย่ากดลูกนัยน์ตานะ
ทำใจของเราให้เบิกบาน แช่มชื่น ให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ให้ปลด ปล่อย วาง ทำใจให้ว่าง ๆ แล้วก็มาสมมติว่า ภายในร่างกายของเรานั้นปราศจากอวัยวะ สมมติว่าไม่มีปอด ตับ ม้าม ไต หัวใจ เป็นต้น ให้เป็นที่โล่ง ๆ ว่าง ๆ เป็นปล่อง เป็นช่อง เป็นโพรง กลวงภายใน คล้าย ๆ ท่อแก้ว ท่อเพชรใส ๆ
ทางเดินของใจ ๗ ฐาน
คราวนี้เราก็มาทบทวนคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายที่ท่านอบรมสั่งสอนเกี่ยวกับเรื่องทางเดินของใจซึ่งเป็นทางไปเกิดมาเกิดของสัตว์โลกทั้งหลาย รวมทั้งตัวของเราด้วย อาทิตย์หนึ่งเรามาประชุมพร้อมกันต้องมาทบทวนหลักวิชชาเอาไว้ แต่เมื่อเรากลับไปปฏิบัติที่บ้านในวันธรรมดา เราก็เอาใจไปไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เลย
ทางเดินของใจมีทั้งหมด ๗ ฐาน
ฐานที่ ๑ อยู่ที่ปากช่องจมูก ท่านหญิงอยู่ข้างซ้าย ท่านชายอยู่ข้างขวา
ฐานที่ ๒ อยู่ที่เพลาตา หรือตรงหัวตาที่น้ำตาไหล ท่านหญิงอยู่ข้างซ้าย ท่านชายอยู่ข้างขวา
ฐานที่ ๓ อยู่ที่กลางกั๊กศีรษะ ในระดับเดียวกับหัวตาของเรา
ฐานที่ ๔ อยู่ที่เพดานปาก ช่องปากที่อาหารสำลัก
ฐานที่ ๕ อยู่ที่ปากช่องคอ เหนือลูกกระเดือก
ฐานที่ ๖ อยู่ในกลางท้องของเราในระดับเดียวกับสะดือ โดยสมมติว่า เราหยิบเส้นด้ายขึ้นมา ๒ เส้น นำมาขึงให้ตึง เส้นหนึ่งขึงจากสะดือทะลุไปด้านหลัง อีกเส้นหนึ่งขึงจากด้านขวาทะลุไปด้ายซ้าย ให้เส้นด้ายทั้งสองตัดกันเป็นกากบาท จุดตัดจะเล็กเท่ากับปลายเข็ม ตรงนี้แหละเรียกว่า ศูนย์กลางกายฐานที่ ๖ ถูกกลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์หยาบใสบริสุทธิ์ โตเท่ากับฟองไข่แดงของไก่
ธรรมดวงนี้สำคัญมาก ถ้าไม่มีธรรมดวงนี้ เรามาเกิดเป็นมนุษย์ไม่ได้ ธรรมดวงนี้จึงทรงรักษากายมนุษย์เอาไว้ ถ้าผ่องใสไม่เศร้าหมองชีวิตก็รุ่งเรือง ถ้าเศร้าหมองไม่ผ่องใสชีวิตก็ร่วงโรย ถ้าธรรมดวงนี้ดับ ชีวิตก็ดับไปด้วย ธรรมดวงนี้จึงเป็นเครื่องยืนยันว่า ถ้าใครฝึกใจให้หยุดนิ่งแล้วจะต้องเข้าถึงอย่างแน่นอน ที่เข้าไม่ถึงธรรมนั้นเป็นไม่มี ถ้าได้ทำก็ทำได้ ทำไม่ได้มีเพียงประการเดียวคือ ไม่ได้ทำ หรือทำไม่ถูกหลักวิชชาเท่านั้น เพราะฉะนั้นก็เป็นเครื่องยืนยันให้เราอุ่นใจว่า ทำความเพียรไปเถิด ให้ถูกหลักวิชชา ทุกวันทุกคืนให้สม่ำเสมอเราจะต้องเข้าถึงธรรมกันอย่างแน่นอนไม่ถึงเป็นไม่มี
เพราะฉะนั้น เราจะได้เลิกวิตกกังวล เลิกท้อแท้ท้อถอยกัน เมื่อเรายังทำไม่ได้ผล เพราะธรรมดวงนี้เป็นเครื่องยืนยันว่า ต้องได้แน่ ๆ
ฐานที่ ๗ อยู่เหนือจากฐานที่ ๖ ขึ้นมา ๒ นิ้วมือ โดยสมมติว่า เราเอานิ้วชี้กับนิ้วกลางมาวางซ้อนกัน แล้วนำไปทาบตรงจุดตัดของเส้นด้ายทั้งสอง สูงขึ้นมา ๒ นิ้วมือ ตรงนี้เรียกว่า ฐานที่ ๗
ทั้งหมด ๗ ฐาน เป็นทางเดินของใจ ไปเกิดมาเกิดต้องอาศัยทางนี้แหละ สำคัญทุกฐาน แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือฐานที่ ๗ เพราะว่าเป็นที่เกิด ที่ดับ ที่หลับ ที่ตื่น และเป็นทางไปสู่อายตนนิพพาน ทางหลุดทางพ้นจากกิเลสอาสวะทั้งหลาย
ได้ เป็นทางเข้าถึงความสุขที่แท้จริง ความสมหวังในชีวิต และเป็นทางที่จะทำให้เราเข้าถึงความรู้ที่แท้จริง ที่เกี่ยวกับความเป็นจริงของชีวิต ทำให้ชีวิตรอดปลอดภัย มีชัยชนะ และเป็นทางที่จะเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวด้วย
ซ้อมร้อยวัน แพ้ชนะกันวันเดียว
ฐานที่ ๗ นี้จึงสำคัญ เกิด ดับ หลับ ตื่น อยู่ตรงนี้ เกิด เรามาเกิดแล้ว แต่ดับ คือตาย ก็ต้องตายตรงนี้ และตรงนี้สำคัญเป็นทางไปสู่ปรโลก ถ้าใจใสไม่เศร้าหมองสุคติก็เป็นที่ไป ถ้าใจหมองไม่ผ่องใสทุคติเป็นที่ไป หลักวิชชามีอยู่ตรงนี้ เราฟังกันทุกอาทิตย์เพื่อตอกย้ำความทรงจำของเราให้แน่นเข้าไปเรื่อย ๆ จะได้ไม่ประมาทชะล่าใจ
ในเมื่อเราหลีกเลี่ยงความตายและการไปสู่ปรโลกไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องฝึกซ้อมตรงนี้เอาไว้ให้ดี ซ้อมกันทุกวัน วันละหลาย ๆ ครั้ง ทำให้เป็นให้ได้ ให้มันใสให้ได้ ฝึกซ้อมหลายวัน แพ้ชนะกันวันเดียว ในวันสุดท้ายสงครามศึกชิงภพสุคติและทุคตินั่นแหละ เราจะเอามาใช้ตรงนี้
ถ้าใจใสแล้วจะมีแต่ภาพดี ๆ บังเกิดขึ้น เราจะหนีภาพไม่ได้ กรรมนิมิต กรรมารมณ์ หนีภาพการกระทำไม่พ้นเลย ซึ่งกรรมนิมิตจะทำให้เราเข้าถึงคตินิมิต ก็จะมีภาพคตินิมิตอีกนั่นแหละ ภาพที่จะไปสู่สุคติหรือทุคติ ดังนั้นภาพสุดท้ายต้องสดใส ต้องสวยงาม เป็นภาพสรุปงบดุลของชีวิต และภาพอะไรดีไม่เกินไปกว่าภาพดวงธรรมหรือองค์พระที่ฉายขึ้นให้ดูบนจอนั่นแหละ พอเป็นแนวทางให้เรารู้ว่าภาพสุดท้ายต้อง
อย่างน้อยอย่างนี้
จะเริ่มต้นด้วยภาพอะไรก็แล้วแต่ เวลาใจใสแล้วต้องได้ภาพอย่างนี้ ดวงใสหรือองค์พระใส ๆ ที่จะนำเราไปสู่สุคติภพ เพื่อทำให้ชีวิตหลังความตายนั้นมีแต่ความสุขสมหวังอันยาวนานกว่าตอนที่มีกายมนุษย์นี้อยู่ มันนานเสียจนกระทั่งเรานึกไม่ถึง หรือไม่ค่อยจะเชื่อด้วยว่ามันจะนานอะไรขนาดนั้นทั้งสุคติทุคติ ทุคติเป็นที่ที่ไม่ควรไป แต่สุคติเป็นที่ที่ควรไป
การฝึกใจให้หยุดนิ่งเป็นงานที่แท้จริง
การที่เรามาฝึกฝนใจให้หยุดนิ่ง ก็เพื่อต้องการให้ใจใส ๆ เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว ให้เราได้มีความสุขในปัจจุบันทันทีที่เข้าถึง เป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ ที่เราไม่เคยนึกเลยว่า มีความสุขชนิดนี้มาก่อน จะทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องราวความจริงของชีวิตเพิ่มเติมขึ้นจากที่เราได้รู้ได้เห็นด้วยตามนุษย์ มันจะมีความรู้ที่เพิ่มเติมขึ้นเป็นความรู้ที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ชีวิตปลอดภัยและมีชัยชนะ มีความสมหวัง เมื่อใจหยุดนิ่งแล้วจะเป็นอย่างนี้ แล้วก็เป็นทางมาแห่งบุญด้วย
เพราะฉะนั้น ต้องซ้อม ต้องฝึกเอาไว้ นี่คือกรณียกิจ คือกิจที่แท้จริง หรืองานที่แท้จริงของมวลมนุษยชาติของตัวเรา ส่วนกิจอย่างอื่นเป็น อกรณียกิจ ที่จะไปเที่ยวเตร่สนุกสนานเพลิดเพลินมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร
โลกใบนี้ที่เรามาเกิด ไม่ใช่เป็นโลกแห่งความสนุกสนานเพลิดเพลิน แต่เป็นโลกแห่งการสร้างบารมี เติมบุญเติมบารมีของเราให้กลั่นกล้าเพิ่มเติมขึ้น มีทำมาหากินกับทำมาสร้างบารมีเท่านั้นที่เป็นเรื่องหลัก เมื่อกายหยาบต้องกินต้องใช้เราก็ต้องทำมาหากินกันไป ประกอบสัมมาอาชีวะกันไป แต่กิจที่แท้จริงคือการหยุดนิ่ง
หยุดนิ่งเป็นกรณียกิจ เป็นงานที่แท้จริงของตัวเราและมวลมนุษยชาติทั้งหลาย เพื่อให้ใจใส พอตอนสุดท้ายของชีวิตที่เราหลีกเลี่ยงภาพไม่ได้ เราก็จะต้องให้ได้ภาพที่ดี นี่พูดถึงการตายอย่างปกติที่ไม่ใช่โดยอุบัติเหตุนะ เราหนีภาพไม่พ้น เพราะฉะนั้นต้องให้ใสเอาไว้
อาทิตย์หนึ่งเรามาปฏิบัติธรรมร่วมกันก็มาฝึกกันอย่างนี้แหละ ทำให้มันได้ ทำให้มันมี ทำให้มันเป็นกันเสีย
ฝึกกันไปทุก ๆ วัน จะต้องสมหวังกันอย่างแน่นอน อย่าไปท้อแท้ อย่าไปท้อถอย อย่าไปเกียจคร้าน ขี้เกียจปฏิบัติธรรม แต่ขยันทำอย่างอื่น อย่าใช้ชีวิตอย่างนั้นกันนะ
เรามีเวลาอยู่ในโลกนี้จำกัด จำกัดจริง ๆ ที่ผ่านมาก็ทิ้งเปล่าไปเสียตั้งเยอะ เพิ่งสร้างบารมีกันไปได้นิด ๆ หน่อย ๆ และเวลาที่เหลืออยู่เท่าไรก็ไม่รู้ นิดเดียวจริง ๆ เพราะฉะนั้นจะต้องเอาเวลาที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดนี้ เอามาใช้ให้มีคุณค่า ให้เป็นประโยชน์อันสูงสุดด้วยการสั่งสมบุญบารมี ทั้งทาน ศีล ภาวนา เป็นต้น
โดยเฉพาะตอนนี้เรากำลังจะทำกิจสำคัญคือ เจริญสมาธิภาวนา ซึ่งฐานที่ ๗ จะอยู่เหนือฐานที่ ๖ ขึ้นมา ๒ นิ้วมือ จำตรงนี้ให้ดีนะ
ฝึกนึกบ่อย ๆ จะนึกได้และเห็นได้
คราวนี้เราก็นึกน้อมเอาภาพองค์พระในกลางดวงแก้ว ที่ท่านนั่งหลับตาเจริญภาวนาหันหน้าออกไปทางเดียวกับตัวของเรานั้นน่ะ ภาพที่เอามาฉายให้ดูเป็นภาพองค์พระ top view คือมองจากด้านบนลงไปด้านล่าง ตั้งแต่ปลายเกตุดอกบัวตูม ที่ตั้งอยู่บนจอมกระหม่อม บนพระเศียรที่เรียงรายไปด้วยเส้นพระศก เส้นผมที่ขดเป็นทักษิณาวัตร หมุนขวาตามเข็มนาฬิกา เรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ เป็นถ่องแถวอย่างนั้น มองเห็นพระเศียรตั้งอยู่บนบ่า คอเราไม่เห็นหรอก บนบ่าทั้งสองบนไหล่ แขนทั้งสอง
ฝ่ามือที่หงายขึ้น นิ้วชี้มือขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้ายเหมือนกายหยาบอย่างนี้แหละ วางบนหน้าตักที่ขาขวาทับขาซ้าย
ภาพบนจอยังไม่ใสเท่าไร แต่ภาพความจริงจะใส ตั้งแต่ใสเหมือนน้ำ ใสเหมือนกระจก ใสเหมือนเพชรที่ต้องแสงมีประกายเจิดจ้า นั่งอยู่บนแผ่นฌานในกลางดวงแก้วที่ครอบเอาไว้ จำภาพนี้ให้ดีนะ
นึกบ่อย ๆ ที่นอกเหนือจากเวลานั่งให้นึกเอาไว้ นึกบ่อย ๆ เดี๋ยวเราก็นึกได้ นึกได้มันก็เห็นได้ มันจะเป็นขั้นเป็นตอนนะ ที่เรายังเห็นไม่ได้ เพราะเรายังนึกไม่ได้ ที่นึกไม่ได้เพราะไม่ค่อยจะนึกกัน มันไปนึกเรื่องอื่น เรื่องคน สัตว์ สิ่งของ ทำมาหากิน ครอบครัว เรื่องอะไรที่ไม่ค่อยจะเข้าท่าเท่าไรหรอก ไม่เป็นสาระ ไม่เป็นแก่นสาร และเอาไปใช้ในตอนช่วงสุดท้ายของชีวิตไม่ได้ มักจะไปนึกเรื่องอย่างนั้น เปิดทีวีดู เปิดวีดีโอดู ดูหนัง ดูละคร อะไรกันไป ซึ่งขืนเอาภาพเหล่านั้นให้ติดกลางใจ เวลาตายจะไปไหนก็นึกเอาก็แล้วกัน แต่ภาพที่สำคัญนี่ไม่ค่อยจะได้นึก ซึ่งเป็นภาพที่สำคัญต้องเอามาใช้ ถ้าเรานึกบ่อย ๆ ก็นึกได้นะลูกนะ นึกได้มันก็เห็นได้ จะเป็นขั้นเป็นตอนไป
ความรู้ภายในจากใจที่หยุดนิ่ง
เรานึกได้มันก็เห็นได้ พอเห็นได้เราก็ศึกษาได้ ศึกษาความรู้ภายใน ความรู้อันยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ เราก็จะได้ความรู้เพิ่มเติมจากที่เราได้เคยศึกษาว่า ชีวิตมนุษย์มีแต่เรื่องกิน เรื่องกาม เรื่องเกียรติ วนเวียนกันอยู่อย่างนี้ เรื่องกลัว กิน กาม เกียรติ หรือได้อ่านหนังสือ ได้เรียนรู้กฎแห่งกรรม เรื่องอบายภูมิอะไรต่าง ๆ เหล่านั้น แต่ว่ามันยังเป็นความรู้ในระดับพื้นผิว ทราบแต่มันยังไม่ซึ้ง ยังตื้น ๆ อยู่
ทีนี้พอเราทำอย่างนี้ได้ เราก็เรียนรู้ได้เพิ่มเติมว่า เออ ภายในกายของเรานี่น่ะ เมื่อใจหยุดแล้วมันมีแสงสว่างในตัวที่นอกเหนือจากแสงสว่างภายนอกที่เราเคยเห็น แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว แสงไฟฟ้าที่มนุษย์ประดิษฐ์ แสงไฟ แสงเทียน อะไรอย่างนั้นเป็นต้น แล้วมันมีแสงในตัวด้วยนะ แต่ว่าเนียนละมุนละไมตา แตกต่างจากแสงภายนอก เห็นไหมจ๊ะ ความรู้เราเพิ่มเติมแล้ว เออ มันมีความสุขที่แปลกแตกต่าง ลึก กว้าง ไม่มีถ้อยคำที่จะนำมาใช้กับความสุขภายในที่เราได้ไปสัมผัสนี้ แต่เรารู้ด้วยใจ ยากที่จะรู้ด้วยถ้อยคำ เห็นไหมเรามีความรู้เพิ่มแล้วว่า เออ มันมีความสุขชนิดนี้อยู่นะ เราไม่เคยรู้มาก่อนเลย และก็รู้เพิ่มเติมไปอีกว่า ข้างนอกที่เราเคยเจอไม่น่าจะเรียกว่าความสุข มันน่าจะเรียกว่าความเพลินมากกว่า สนุกสนานเพลิน ๆ ให้มันผ่านไปวัน ๆ อย่างนั้น
พอหยุดไปได้อีกระดับหนึ่ง เออ มันมีดวงธรรมภายในนะ ดวงกลม ๆ ภายในก็กลมเหมือนดวงแก้วภายนอก แต่ทำไมความรู้สึกมันแตกต่างกัน จากการที่เราเห็นดวงแก้วภายนอกกับเห็นดวงธรรมภายใน เห็นดวงแก้วภายนอกเห็นแล้วก็เฉย ๆ ไม่สุขไม่ทุกข์ มันธรรมดา ๆ แต่เห็นข้างใน มันปลื้ม มันรื่นเริง
เห็นภายใน มันรื่นเริง เหมือนเรากำลังดูเพลิน ๆ เปลี่ยนไปอีกมิติหนึ่ง เหมือนเราหล่นไปในสถานที่รื่นเริงที่มีความบันเทิงใจ แตกต่างจากสถานที่รื่นเริงที่เราเคยเจอนั่นนะ มันมีชีวิตชีวาไปทุกระบบประสาทและกล้ามเนื้อ และดูเหมือนจะขยายไปไม่มีที่สิ้นสุด นี่เป็นความรู้เพิ่มเติม
เดี๋ยวก็เพิ่มเติมเห็นกายในกายล่ะ เออ ภายในนี้มีกายมนุษย์ละเอียด มีกายทิพย์ พรหม อรูปพรหม กระทั่งมีกายธรรม เห็นพระรัตนตรัยในตัว ความรู้จะเพิ่มเติมไปเรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุดเลย
เหมือนเราเอาเถาปิ่นโตมาเปิด ชั้นแรกว่าอร่อยแล้ว ชั้นถัดไปอร่อยเพิ่มขึ้น เป็นเถาปิ่นโตที่ไม่มีชั้นที่สิ้นสุด ต่อเป็นชุด เป็นชั้น เป็นตอน เป็นภาค เป็นพรืดไปเลยเยอะแยะ สนุกสนานบุญบันเทิง นี่คือเรื่องราวความรู้ภายในที่เพิ่มขึ้น จนกระทั่งออกไปในมหาสมุทรแห่งความรู้แจ้งเห็นจริง ความรู้อันยิ่งใหญ่ที่ไม่มีขอบเขต unlimited knowledge ทีเดียว ความรู้ที่ไม่มีขอบเขต โอ้โฮ สนุกสนานเบิกบานไปเรื่อย ๆ เราจะได้เรียนรู้เพิ่มเติมกันไป
หมั่นฝึกฝน เดี๋ยวใจก็หยุดนิ่งได้เอง
อย่าขี้เกียจนั่ง ให้ขยัน และก็เป็นทางมาแห่งบุญของเราด้วย บุญจะเกิดขึ้นทุกวันทุกคืน ร่างกายมันเสื่อมไปทุก ๆ วัน โรคภัยไข้เจ็บก็ปรากฏเกิดขึ้น ความชรา ความเหี่ยวย่นที่เราไม่ต้องการมันปรากฏ และเราก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ เรี่ยวแรงก็ลดน้อยถอยลงไป เพราะฉะนั้นใช้กายมนุษย์หยาบนี้ให้เป็นประโยชน์นะลูกนะ ศึกษาฝึกฝนกันไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวใจของเราก็จะหยุดจะนิ่งได้ พอหยุดนิ่งได้ก็เข้าถึงความเป็นจริงของชีวิต
ตอนนี้เราจำภาพนี้เอาไว้ ภาพองค์พระกลางดวงแก้ว จำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ค่อย ๆ นึกไป จำไม่ได้ เราก็ลืมตามาดูบนจอ แล้วเวลาเราไปนั่งที่บ้าน หรือในอิริยาบถอื่น เราก็เอามาตั้งไว้ตรงนี้เลย ไม่ต้องไปเริ่มฐานที่ ๑ มาถึงฐานที่ ๗ นะ มาหยุดมานิ่งตรงนี้แหละ ใจหยุดใจนิ่งให้ใจใส
นึกบ่อย ๆ ก็นึกได้ นึกได้บ่อยๆ ก็เห็นได้ เห็นได้บ่อย ๆ ก็เข้าถึงได้ เข้าถึงบ่อย ๆ ก็ศึกษาได้ จะเป็นขั้นตอนอย่างนี้ เขาทำกันได้เยอะแยะ เราเป็นคนเช่นเดียวกับเขา ถ้ามีความเพียรไม่น้อยหน้าเขา เราก็ต้องทำได้นะลูกนะ
ต่อจากนี้ไป ให้ตรึกถึงองค์พระใส ๆ นั่งอยู่ในกลางดวงแก้วหันหน้าออกไปทางเดียวกับตัวของเรา มองไปอย่างสบาย ๆ ทำใจให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น เมื่อยก็ขยับ คันก็เกา ฟุ้งก็ลืมตามาดูบนจอ หายฟุ้งเราก็หลับตาลงไปใหม่ ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงวิธีการกันไปเรื่อย ๆ ไม่ช้าก็จะสมหวังดังใจ
ตั้งใจปฏิบัติธรรมกันให้ดีนะ จะภาวนา สัมมา อะระหัง ประกอบไปด้วยก็ได้ หรือจะไม่ภาวนาก็ไม่เป็นไร ฝึกใจหยุดนิ่ง ให้ใจใส ๆ ฝึกประคองใจไป ให้ลูกทุกคนสมหวังดังใจในการเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวกันทุก ๆ คน ต่างคนต่างทำกันไปเงียบ ๆ นะ
วันอาทิตย์ที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖