อยู่ในระหว่างการทดสอบการใช้งาน

อวิชชา

Getting your Trinity Audio player ready...

ตั้งใจนั่งหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันนะ หลับตาเบา ๆ พอสบาย ๆ ผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกายของเรา ทั้งเนื้อทั้งตัวให้รู้สึกว่าสบาย ขยับเนื้อขยับตัวของเราให้ดีนะ ให้เลือดลมในตัวเดินได้สะดวก ปรับท่านั่งให้ถูกส่วนอย่างสบาย ๆ แล้วก็ผ่อนคลาย

ผ่อนคลายสบาย รวมใจ วางใจให้ถูกส่วน

ต้องผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจนะ ทำใจให้เบิกบาน แช่มชื่น ให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ให้ปลด ปล่อย วาง ให้คลายความผูกพันจากคน สัตว์ สิ่งของ ทำประหนึ่งว่าเราอยู่คนเดียวในโลก

แล้วก็รวมใจกลับเข้าไปสู่ภายในอย่างง่าย ๆ สบาย ๆ ผ่อนคลาย ใจเย็น ๆ อย่าตั้งใจเกินไป ต้องสบาย ต้องผ่อนคลาย ค่อย ๆ วางใจไปแตะที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อย่างนุ่ม ๆ ทำใจให้นิ่ง ๆ นุ่ม ๆ เบา ๆ ต้องเบา ๆ ต้องสบาย ๆ ใจถึงจะรวมได้ง่ายนะ

ต้องสบาย ๆ อย่าไปเพ่งไปจ้อง ให้นิ่ง ๆ นุ่ม ๆ เบา ๆ สบาย ๆ แล้วก็ตรึกนึกถึงดวงใส ใจหยุดอยู่ในกลางดวงใส ๆ คือ นึกถึงเพชรสักเม็ดหนึ่ง หรือก้อนน้ำแข็งใส ๆ กลม ๆ เหมือนดวงแก้ว ให้นึกธรรมดา นึกสบาย ๆ คล้าย ๆ เรานึกถึงภาพดอกบัว ดอกกุหลาบอย่างนั้นแหละ

นึกได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้นไปก่อน แต่ต้องสบาย นึกไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ค่อย ๆ ประคองใจให้หยุดนิ่ง ๆ นุ่ม ๆ เบา ๆ สบาย ๆ ด้วยบริกรรมภาวนาในใจเบา ๆ ว่า สัมมา อะระหัง จะภาวนากี่ครั้งก็ได้จนกระทั่งไปถึงจุดที่เราไม่อยากจะภาวนา สัมมา อะระหัง ต่อไป อยากหยุดใจนิ่ง ๆ เฉย ๆ นิ่ง ๆ นุ่ม ๆ เบา ๆ ประคองใจกันไปอย่างนี้สำหรับผู้ที่มาใหม่ ให้นิ่ง นุ่ม เบา สบาย เดี๋ยวใจจะถูกส่วนเองเมื่อเราทำถูกวิธีอย่างนี้นะ

เมื่อเราวางใจถูกส่วนมันก็จะกลับเข้าไปสู่ภายในอย่างง่าย ๆ แล้วร่างกายของเราจะกลวง เป็นโพรง เป็นช่องว่าง ๆ ร่างกายจะขยายออกไปจนหายไปเลย เหมือนกลืนไปกับบรรยากาศ ใจก็จะอยู่นิ่ง ๆ โล่ง ๆ กลางอวกาศ ถ้าเราทำถูกวิธีนะ แล้วเดี๋ยวใจก็จะเคลื่อนเข้าไปสู่ภายในเอง จะไม่ตึง ไม่เกร็ง ไม่เครียด ทั้งร่างกายจิตใจจะผ่อนคลาย จะสบาย จะเหลือแต่สติกับสบาย คือใจอยู่กับเนื้อกับตัวอยู่ในกลางกายอย่างไม่กดดัน

เข้าถึงดวงธรรมภายใน กายภายใน

ต้องสบายต้องใจเย็น ๆ ต้องนิ่ง ๆ นุ่ม ๆ นาน ๆ ต้องอย่างนี้นะ เดี๋ยวใจจะใสเอง จะสว่างขึ้นมาเอง หลับตาแล้วก็จะไม่มืด จะมีความสว่างภายใน ตั้งแต่เหมือนฟ้าสาง ๆ เรื่อยไปจนกระทั่งเหมือนดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน แต่ว่าจะใสเย็นไม่จ้าตา ไม่แสบตา ใสเย็นสบาย

สำหรับผู้ที่ทำเป็นแล้ว เข้าถึงดวงธรรมได้ก็นิ่งในนิ่งต่อไปเรื่อย ๆ ฝึกหยุดแรกให้ชำนาญ ให้คล่อง หยุดแรกสำคัญมาก เดี๋ยวหยุดในหยุดต่อ ๆ ไปก็จะง่าย แม้ทำเป็นแล้วก็ต้องฝึกตรงนี้นิ่ง ๆ นุ่ม ๆ ดูดวงไปเรื่อย ๆ อย่างสบาย ๆ ให้ใจนิ่ง ๆ อยู่ในกลางดวงใส ๆ ด้วยใจที่เยือกเย็น

ถ้าเราทำถูกต้อง ถูกส่วน ดวงนั้นก็จะขยายออกไปเอง ขยายไปรอบตัว ถ้ายังไม่ถูกส่วนก็จะเป็นดวงนิ่ง ๆ เฉย ๆ ถ้าตั้งใจมาก แม้เห็นดวงแต่ก็จะยังไม่เจอความสุข แต่ไม่ทุกข์ จะอยู่ในระหว่างไม่สุขไม่ทุกข์ คือเลยความทุกข์ แต่ยังเข้าไม่ถึงความสุข ใจนิ่งได้ในระดับ ๙๐ กว่าเปอร์เซ็นต์ แต่ยังกดดันอยู่ คือยังมีความพยายามที่จะใช้กำลังบังคับภาพนั้นจึงยังแข็ง ๆ ไม่นุ่ม ยังติดนิสัยหยาบ ๆ ทางโลก

ทางโลกจะทำอะไรให้สำเร็จต้องใช้ความพยายาม ต้องออกแรง ทางธรรมมันกลับตาลปัตร ต้องง่ายๆ ต้องสบายๆ

ถ้าทำได้อย่างนี้ ดวงจะอ่อนนุ่ม จะใส ๆ และจะขยายออกได้ ความสุขก็จะค่อย ๆ เริ่มเกิดขึ้น จนเรายอมรับว่า นี่คือความสุขที่ไม่เคยเจอ

ยิ่งใจเรานิ่ง ๆ นุ่ม ๆ นาน ๆ จากนิ่งนุ่มนาน ๆ ก็จะกลายเป็นนิ่งนุ่มและก็หนาแน่น เป็นนิ่งแน่น แต่ว่านิ่งนุ่มแน่นและก็นาน ๆ คราวนี้ดวงก็จะใสสว่างขยายให้เราเคลื่อนเข้าไปสู่ภายในดวงนั้นได้อย่างง่าย ๆ พอเราทำตรงนี้ซ้ำ ๆ บ่อย ๆ ให้คล่อง ให้ชำนาญ แม้ชำนาญแล้วก็ยังต้องทำซ้ำ ๆ การเคลื่อนเข้าไปสู่ภายในก็ยิ่งง่าย ความสุขก็เพิ่มพูนขึ้นทับทวีขึ้นมาจนเราไม่ต้องการอะไรเลย

จากดวงนี้ก็จะผ่านไปเห็นดวงในดวงไปเรื่อย ๆ เลย ถ้าดวงที่เชื่อมกับกายก็จะมี ๖ ดวงซ้อน ๆ กันอยู่ ดวงนี้จะปรับสภาวะใจเรา กลั่นใจเราให้ใสบริสุทธิ์เพิ่มขึ้นเชื่อมเข้าไปถึงกายภายในได้อย่างง่าย ๆ

เราจะอัศจรรย์ใจ เมื่อเราเห็นตัวเราเองอยู่ข้างในตัวของเรา ที่ดูสดใสกว่า อยู่ในวัยเจริญ ในอิริยาบถของสมาธิ

ถึงตรงนี้เราก็ต้องท้ำซ้ำ ๆ คือทำทุกวันไม่ว่างเว้น แม้เราอยู่ทางโลกจะทำมาหากินอะไรก็แล้วแต่ ทำมาค้าขาย ทำมาสร้างบารมี ข้างนอกเคลื่อนไหวแต่ข้างในใจต้องหยุดนิ่ง ฝึกตรงนี้ให้คล่อง ให้ชำนาญ เดี๋ยวการปรับสภาวะก็จะเป็นไปเอง ใจก็จะบริสุทธิ์เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ

ต้องทำซ้ำ ๆ บ่อย ๆ เนือง ๆ ภาษาบาลีเขาว่า ภาวิตา พหุลีกตา ต้องบ่อย ๆ ต้องเนือง ๆ แม้ทำชำนาญแล้วก็ยัง ต้องบ่อย ๆ ต้องเนือง ๆ ซ้ำ ๆ พอมั่นคงแล้ว เราจะอัศจรรย์ใจกับการเห็นกายภายใน

ส่วนกายละเอียดเราจะย่อให้เหลือนิดเดียว เล็กเท่ากับปลายเข็มก็ยังเห็นชัดเจนเหมือนเห็นตอนกายขยายโต ๆ ซึ่งมันน่าอัศจรรย์ใจมาก สิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจอยู่ภายในกลางกายของเรา แม้เล็กเท่ากับปลายเข็มก็เห็นรายละเอียดของกายนั้นได้ในทุก ๆ กาย แม้ทำเป็นแล้วก็ต้องมาฝึกตรงนี้ให้ซ้ำ ๆ ไปเรื่อย ๆ

กายภายในก็จะปรับสภาวะจากกายของคฤหัสถ์ เช่น กายมนุษย์ละเอียด ทิพย์ พรหม อรูปพรหม ให้สูงส่งขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งไปถึงกายพระข้างใน คือบวชภายในเป็นพระธรรมกายข้างในใส ๆ เหมือนคล้าย ๆ การบวชภายนอกตั้งแต่คฤหัสถ์มาเป็นนาค จากนาคมาเป็นเณร จากเณรมาเป็นพระ คือมีความบริสุทธิ์เข้าไปเรื่อย ๆ

เกิดกันมาแต่ละภพแต่ละชาติก็ต้องการมาสะสางธาตุธรรมที่ไม่บริสุทธิ์ให้สิ้นไป ให้เหลือแต่ธาตุธรรมที่บริสุทธิ์ล้วน ๆ คือ เป็นกายพระ และกายพระก็ต้องกลั่นกันต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งสุดท้ายเป็นกายพระอรหันต์นั่นแหละ

สะอาดบริสุทธิ์หมดจดจากสรรพกิเลสทั้งหลาย จะต้องสะสางสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ให้หมดสิ้นไป ที่อยู่ในธาตุ ในธรรม ในเห็น ในจำ ในคิด ในรู้ ของเราให้หมดสิ้นไปด้วยการทำใจให้หยุดนิ่ง เพราะฉะนั้นคำว่าใจหยุดนิ่งนี้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เราเข้าใจหรือจินตนาการจะไปถึง

ใจที่หยุดนิ่งจะทำให้สำเร็จบริบูรณ์ในทุกสิ่ง จะสะสางเข้าไปเรื่อย ๆ กลั่นธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ วิญญาณ อากาศ ที่ประกอบเป็นกายเป็นใจเป็นอะไรต่าง ๆ เหล่านั้น ให้สะอาดบริสุทธิ์เข้าไปเรื่อย ๆ กลั่นทั้งธรรมซึ่งเป็นที่รองรับธาตุต่าง ๆ เหล่านั้นให้บริสุทธิ์เข้าไปเรื่อย ๆ กลั่นทั้งเห็นจำคิดรู้ คือใจให้ใส ๆ ให้บริสุทธิ์ นี่คือวัตถุประสงค์ของการเกิดมาเป็นมนุษย์ในแต่ละครั้ง แต่ละภพ แต่ละชาติ จะต้องสะสางกันอย่างนี้ แต่สิ่งเหล่านี้มนุษย์ไม่ค่อยจะรู้เรื่อง เพราะพญามารบดบังเอาไว้ เขาจะประกอบธาตุธรรมที่ไม่บริสุทธิ์มาบดบังเอาไว้ ที่เราได้ยินคำว่า อวิชชา นั่นแหละ ให้เราไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม อะไรคือเป้าหมายของชีวิต แล้วจะไปสู่เป้าหมายของชีวิตได้อย่างไร นอกจากไม่ให้รู้แล้วยังทำจิตของเราให้มืด คือหลับตาแล้วเรามืด จนกระทั่งเราไม่รู้เลยเบื้องหลังของความมืดมีความสว่าง มีความลับของชีวิตที่เกี่ยวข้องกับตัวเราสรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งหลายอยู่ตรงนี้

สิ่งที่เขาบดบังใจให้มืด เรียกว่า นิวรณ์ ๕ ตั้งแต่ กามฉันทะ พยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจะกุกกุจจะ วิจิกิจฉา

พญามารดึงใจของเราไปตรึงติดไว้กับสิ่งภายนอก ติดในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์ ติดในลาภยศสรรเสริญแบบโลก ๆ แล้วให้มีความโกรธ ความผูกพยาบาท คับแค้นใจอะไรกันต่าง ๆ เหล่านั้น

ให้จิตของเราไปวนเวียนอยู่กับสิ่งเหล่านั้นซึ่งอยู่ภายนอก แล้วให้สงสัยในเรื่องราวต่าง ๆ ตั้งแต่เรื่องภพ เรื่องชาติ เรื่องอะไรสารพัด แม้ผ่านด่านต่าง ๆ มาได้ก็ยังสงสัยตัวเองว่า เราจะทำได้ไหม ลังเลสงสัยอยู่อีกเยอะแยะเลย ตรึงไปติดเหล่านั้น จิตก็จะไปคิดวน ๆ กับสิ่งเหล่านั้น เอาไปติดกับความฟุ้งในเรื่องสารพัด เรื่องความท้อ ความง่วง อะไรต่าง ๆ แบบโลก ๆ

เมื่อถูกบดบังในความไม่รู้และนิวรณ์ทั้ง ๕ ใจของเราก็เลยมืดบอด ติดทางโลกก็หมดเวลากับชีวิตทางโลก แถมการกระทำของตัวยังตกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรมอีก ใจจึงไม่หยุดเลย มีแต่ทะยานอยากไปในสิ่งเหล่านั้น เป็นความอยากที่ไม่ได้ประกอบไปด้วยปัญญา ในความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องชีวิต หรือความเป็นจริงของชีวิต ซึ่งตรงข้ามกับความอยากที่จะดับทุกข์ อยากพ้นทุกข์ อยากไปนิพพาน อย่างนี้เป็นความอยากที่ประกอบไปด้วยปัญญา

เพราะฉะนั้น ใจหยุดนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก มากที่สุดในชีวิตที่เกิดมาเป็นมนุษย์ ดังนั้นเราควรจะให้เวลาเกี่ยวกับเรื่องใจหยุดนิ่งให้มาก ๆ เราจะได้เข้าถึงความสุขที่แท้จริง เข้าถึงเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิต และที่สำคัญจะได้สะสางธาตุธรรมเห็นจำคิดรู้ของเราให้สะอาดบริสุทธิ์ จนกระทั่งธาตุแห่งความบริสุทธิ์เข้ามาแทนที่ธาตุไม่บริสุทธิ์เหล่านั้น

ธาตุแห่งความบริสุทธิ์ก็จะมาพร้อมกับความสุข ความสะอาด ความสว่าง ความสงบ ความสูงส่งของจิตใจ เป็นต้น และความรู้ต่าง ๆ มากมายไปตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นความรู้แจ้งที่เกิดจากการเห็นแจ้ง เพราะความสว่างภายในเกิด ทำให้เราเห็นดวงธรรม เห็นกายภายใน เห็นชีวิตที่ซับซ้อนอยู่ภายในที่ลึกซึ้งเข้าไปเรื่อย ๆ เห็นเป้าหมายของชีวิตได้ชัดเจน พลังใจ ก็จะมุ่งไปเพื่อขจัดสิ่งที่เป็นมลทินของใจให้หมดไป ใจก็จะใส สะอาดบริสุทธิ์ สว่างไสว สว่างเข้าไปเรื่อย ๆ

เวลาที่เหลืออยู่นี้ ให้ลูกทุกคนหยุดนิ่งๆ นุ่ม ๆ เบา ๆ สบาย ๆ ให้ใจใส ๆ ใจเย็น ๆ ให้ไปถึงความสว่าง ให้เข้าไปถึงดวงธรรมภายในให้ได้ ให้เข้าไปถึงกายภายใน กระทั่งถึงกายผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานแล้ว คือกายธรรม ถึงพระธรรมกายให้ได้ กายองค์พระที่ใสที่บริสุทธิ์สวยงามมาก ประกอบด้วยลักษณะมหาบุรุษครบถ้วนทุกประการ เกตุดอกบัวตูม ใสเกินความใสใด ๆ ในโลก นั่งสงบนิ่งอยู่บนแผ่นฌาน ให้ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบ ๆ นะ

วันอาทิตย์ที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕

บทความที่เกี่ยวข้อง