อยู่ในระหว่างการทดสอบการใช้งาน

หน้าแรกบทความสื่อธรรมะ

สื่อธรรมะ

Most Commented

บ่มอินทรีย์

ง่ายแต่ลึก

ฝ่ายทําวิชชา

การสร้างบารมีเพื่อรื้อสัตว์ขนสัตว์ไปสู่ฝั่งพระนิพพานและปราบมารประหารกิเลสให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษจนกว่าจะถึ งที่สุดแห่งธรรมของพระเดชพระคุณหลวงปู่และหมู่คณะนั้น เกิดขึ้นได้ด้วยความร่วมแรงร่วมใจของสมาชิกทั้ง 4 เหล่าของกองทัพธรรม คือ ฝ่ายที่รบกับพญามาร ฝ่ายเผยแผ่ฝ่ายปฏิสังขรณ์และฝ่ายกองเสบียง ซึ่งทั้ง 4 ฝ่ายต้องร่วมแรงร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมาย สําหรับผู้ที่มีบารมีและธาตุธรรมแก่รอบอย่างเช่นคุณยายนั้น ท่านเป็นสมาชิกของฝ่ายแรกที่จะต้องสู้รบกับพญามารโดยตรง ด้วยการเจริญภาวนาขั้นสูงหรือทําวิชชาธรรมกายอยู่ภายในโรงงานทําวิชชาซึ่งเป็นงานทางจิต ผู้มีหน้าที่ทําวิชชาอย่างเช่นคุณยายมักจะมีอัธยาศัยคือ เป็นคนมักน้อย สันโดษ ไม่คลุกคลีด้วยหมู่คณะ ยินดีปัจจัยตามมีตามได้ยอมละทิ้งทุกอย่าง ปล่อยวางทุกสิ่ง เพื่อทําใจหยุดนิ่งเพียงอย่างเดียว ตลอดทั้งวันและคืน เพื่อค้นคว้าเข้าไปสู่ภายในจนกว่าจะถึงเป้าหมายปลายทางอันเป็นที่สุดหากเราสังเกตดูบุคลิกของคุณยาย จะพบว่าท่านเหมาะสมกับหน้าที่นี้มาก เพราะมีความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ สงบนิ่ง...

สมรภูมิอันแท้จริง

การรบระหว่างพระซึ่งเป็นธาตุธรรมฝ่ายกุศลกับมารซึ่งเป็นธาตุธรรมฝ่ายอกุศลนั้น สู้กันด้วยบุญและบาป โดยบุญเป็นกระแสหรือเครื่องมือของพระในขณะที่บาปเป็นของมาร พระเดชพระคุณหลวงปู่อุปมาไว้ว่า สงครามในโลกมนุษย์ที่เรียกว่าสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 หากนํามารวมกันแล้วก็เป็นเพียงการรบแบบเด็กๆ การรบกับพญามารเท่านั้นจึงเรียกว่าเป็นการรบแบบผู้ใหญ่ ผู้ที่สามารถพูดเช่นนี้ได้ถือว่าไม่ธรรมดา ถ้าไม่ได้รู้เห็นและทําจริงด้วยตนเองแล้ว จะไม่สามารถกล่าวออกมาได้เลย ดังนั้นการรบภายในจึงยิ่งใหญ่กว่าสงครามโลก เพราะขอบเขตของการรบกว้างใหญ่ไพศาลเกินกว่าฟ้าครอบ ยิ่งกว่าโลกและจักรวาล ตราบใดที่สงครามภายในที่แท้จริงยังไม่จบลงสงครามในโลกมนุษย์จะไม่มีวันสิ้นสุด นับตั้งแต่มีอายุได้ 47 ปีพระเดชพระคุณหลวงปู่ได้รวบรวมบุคคลผู้มีธาตุธรรมพิเศษที่มาเกิดเพื่อศึกษาค้นคว้าวิชชาธรรมกายและเริ่มทําภารกิจในโรงงานทําวิชชา เป็นการเริ่มต้นสงครามอย่างแท้จริงที่ปราศจากศาสตราวุธยุทโธปกรณ์ ไม่มีการพลัดพราก ไม่มีการสูญเสีย ทุกขั้นตอนของการทําสงครามภายในที่แท้จริงกับกิเลสอาสวะและพญามารนั้น มีแต่ความสุขและความบันเทิงใจ ผู้ที่ทําหน้าที่ปราบมารในยุคนั้นล้วนมีบารมีแก่กล้า...

ปัดลูกระเบิด

ในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 พระเดชพระคุณหลวงปู่ได้เพียรพยายามให้หมู่คณะในโรงงานทําวิชชาช่วยกันแก้ไขไม่ให้มนุษย์รบราฆ่าฟันและเบียดเบียนกันเอง แล้วช่วยทําให้ประเทศชาติพ้นภัยด้วยวิชชาธรรมกาย มีอยู่ครั้งหนึ่งซึ่งจะเรียกว่าตําหนิก็ไม่เชิง หลวงปู่ได้ถามคณะศิษย์ผู้ทําวิชชาหลายๆคนในโรงงานเกี่ยวกับผลของสงครามโลกว่าเป็นอย่างไร ซึ่งทุกคนก็ตอบตามญาณทัสนะของตน ถามเรียงบุคคลจนกระทั่งมาถึงคนสุดท้ายคือคุณยายท่านถามว่า “ลูกจันทร์ เยอรมันแพ้หรือชนะวะ”คุณยายก็นิ่งไปสักพักหนึ่งแล้วตอบว่า “เยอรมันแพ้เจ้าค่ะ” ท่านถามอย่างนี้ทุกคืนเป็นปีคุณยายก็ยืนยันว่าแพ้หลวงปู่เลยสั่งว่าให้ช่วยกันทําวิชชาเพื่อแก้ไขเพราะประเทศไทยในขณะนั้นต้องจํายอมอยู่ฝ่ายเดียวกับญี่ปุ่นและเยอรมัน ทุกคนก็ทําวิชชากันตามที่ท่านสั่งช่วงระหว่างสงครามโลกผู้ทําวิชชาต้องตรวจดูตลอดว่าแม่ทัพของแต่ละฝ่ายคิดอย่างไร ประเทศนั้นคิดอย่างไร ประเทศนี้คิดอย่างไร เขาจะเตรียมการมาอย่างไร จะมาทิ้งระเบิดเวลาไหน ถ้าตอบผิดก็ตายเช่น ตอบว่า 6 โมงเช้าจะมาทิ้งระเบิด แต่ความเป็นจริงคือเขามาทิ้งตอนตี4 ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้ตอบคําถามนอนหลับเพื่อมาคอยเข้าเวรทําวิชชาตอน 6 โมงเช้า ถ้าตอบผิดอย่างนี้ก็ต้องตายสถานเดียว...

ต้นแหล่งศึกสงคราม

สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ําได้แต่งตั้งให้คุณยายจันทร์เป็นหัวหน้าเวรขาดรู้อยู่ในโรงงานทําวิชชา คําว่า “ขาดรู้”ในที่นี้หมายความว่า เวลาทําสมาธิท่านจะขาดการรับรู้เรื่องของกายมนุษย์อย่างสิ้นเชิง จิตของท่านจะหลุดเข้าไปสู่ภายในทั้งหมดแบบม้วนเดียวจบ ไม่รู้สึกคันหรือเมื่อยขบแต่อย่างใด ซึ่งใครก็ตามที่ทําได้จะมีใจที่ละเอียดมาก สามารถเข้าถึงความละเอียดของใจที่น้อยคนจะเข้าถึงได้แม้ช่วงสงครามโลกจะมีการทิ้งระเบิดอยู่เรื่อยๆ ดูน่าสะพรึงกลัว แต่คุณยายและหมู่คณะผู้ทําวิชชากลับนั่งนิ่งอย่างมีความสุข ต่างคนต่างปล่อยใจเข้าไปสู่ภายในเพื่อใช้อานุภาพของวิชชาธรรมกายแก้ไขสงครามในเมืองมนุษย์ ในขณะที่มนุษย์รบราฆ่าฟันกันอยู่ พระเดชพระคุณหลวงปู่ก็ทราบว่าต้นเหตุเกิดจากพญามารที่ส่งกิเลสมาบังคับจิตใจของมนุษย์ให้ทําลายซึ่งกันและกัน แม้ในขณะที่ผู้นําประเทศและกองทัพของประเทศต่างๆ ประชุมหารือกัน ท่านและหมู่คณะผู้ทําวิชชาก็ปล่อยใจเข้าไปสู่ภายในเพื่อตรวจตราดูว่าทําอย่างไรจึงจะสงบศึกได้เมื่อไปถึงพญามารผู้เป็นต้นแหล่งที่มาของศึกสงครามแล้ว ท่านก็ตรวจสอบดูว่าเขามีวัตถุประสงค์อะไรที่ทําให้มนุษย์รบกันเองโดยที่มนุษย์ทั้งหมดไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลย รู้แต่เพียงว่าจะต้องรบเพียงเพื่อเอาชนะกันให้ได้ เมื่อท่านทําสมาธิได้ละเอียดจนถึงระดับที่สามารถเห็นพญามารผู้เป็นต้นเหตุของสงครามโลกได้แล้ว จึงขอเจรจาเพื่อยุติสงครามที่เกิดขึ้นในเมืองมนุษย์ แต่สรุปผลได้ว่าไม่ตกลง เพราะฝ่ายมารมีความตั้งใจที่จะทําลายล้างมนุษย์โดยสอดละเอียดหรือส่งอานุภาพบังคับลงมาเพื่อให้มนุษย์สามารถคิดค้นอาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรงมากแล้วนํามาประหัตประหารกัน

ปลุกไปรบ

คุณยายอาจารย์ทองสุข และคุณยายอาจารย์จันทร์ เป็นสหธรรมิกนักสร้างบารมีที่สามารถทําวิชชาได้ทั้งคู่ แต่ท่านมีความแตกต่างกันคือ คุณยายอาจารย์ทองสุขมีอัธยาศัยที่ถนัดในการสอนและเผยแผ่ ส่วนคุณยายอาจารย์จันทร์ไม่ค่อยชอบออกไปไหนและไม่ค่อยชอบสอนคนอื่น ชอบทําวิชชาปราบมารอย่างเดียว ในช่วงที่คุณยายทองสุขยังไม่ต้องออกไปเผยแผ่ ท่านจะทําวิชชาร่วมกับคุณยายจันทร์อยู่ในรอบเดียวกันซึ่งเป็นเวรดึก คุณยายอาจารย์จันทร์ท่านตื่นนอนไว ส่วนคุณยายอาจารย์ทองสุขตื่นช้ากว่าก่อนที่จะเข้าเวรดึก คุณยายอาจารย์จันทร์จึงต้องทําหน้าที่ปลุกคุณยายอาจารย์ทองสุขทุกคืน ท่านจะไปเรียกอยู่ใกล้ๆ ที่นอนว่า “พี่ๆ พี่สุข ไปเข้าเวรกัน” เป็นอย่างนี้เรื่อยมา พอถึงช่วงสงครามโลก สถานการณ์คับขันเมื่อต้องปลุกบ่อยๆ เข้า คุณยายอาจารย์จันทร์ก็เริ่มจะกังวล เพราะขนาดระเบิดมายังไม่ตื่น มีอยู่วันหนึ่งคุณยายอาจารย์จันทร์เผลอนึกตําหนิในใจว่า “คน...ให้ปลุกเรื่อยทุกคืนทุกคืน” จากนั้นก็ไปเข้าเวรนั่งสมาธิด้วยกัน พอถึงตอนเช้าออกจากเวร...

ตามสมบัติหล่อเลี้ยง

ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น พระภิกษุสามเณรและประชาชนทั่วไปต่างประสบความยากลําบากเรื่องอาหารการกิน เกือบทุกประเทศทั่วโลกต่างได้รับความเดือดร้อนจากภาวะข้าวยากหมากแพงขาดแคลนทั้งเครื่องอุปโภคและเครื่องบริโภค แต่ที่น่าแปลกก็คือ วัดปากน้ํา ภาษีเจริญ ยังพอมีภัตตาหารและปัจจัย 4 หล่อเลี้ยงพระภิกษุสามเณร และอุบาสก อุบาสิกาทั่วทั้งวัด คุณยายเล่าให้หลวงพ่อฟังว่า ท่านและหมู่คณะใช้วิธีนั่งเฉยๆ ทําใจหยุดนิ่งเป็นสมาธิเรื่อยไป และตามเจ้าภาพและสมบัติมาเลี้ยงพระภิกษุสามเณรพร้อมทั้งอุบาสกอุบาสิกาที่วัดปากน้ํา แล้วจึงเอาบุญที่ได้จากการเลี้ยงพระนี้มาช่วยดลบันดาลให้เจ้าภาพทุกท่านมีแต่ความสุขความเจริญรุ่งเรือง ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สามารถผ่านภาวะวิกฤตในช่วงมหาสงครามโลกครั้งที่2 ได้หลวงพ่อเคยถามคุณยายว่าทําอย่างไรบ้าง ท่านตอบว่า “ก็หยุดนิ่งทับทวีกายไปเยอะแยะ ตามสมบัติไปเชื่อมสายสมบัติตามผู้ตามคนอะไรต่างๆ ไปตามมา” แม้ในสมัยสงครามโลกจะมีการทิ้งระเบิดอยู่เป็นประจํา...

Editor Picks