อยู่ในระหว่างการทดสอบการใช้งาน

หน้าแรกบทความ

บทความ

Most Commented

เป็นหนึ่งไม่มีสอง

ในการศึกษาวิชชาธรรมกาย คุณยายสามารถตอบคําถามของพระเดชพระคุณหลวงปู่ได้ทุกคําถามเพราะท่านเอาใจใส่ในการทําวิชชาอยู่ตลอดเวลา หากมีใครว่าอะไรท่าน ท่านก็เฉยๆ ไม่ได้คิดโต้ตอบแต่อย่างใดและไม่นํามาใส่ใจ ท่านมีแต่ธรรมะและภารกิจของพระเดชพระคุณหลวงปู่อยู่ในใจ สิ่งที่ท่านกลัวมีเพียงอย่างเดียว คือกลัวพระเดชพระคุณหลวงปู่จะเรียกท่านว่า “ไอ้ขี้ไต้” ซึ่งเป็นคําที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ใช้เรียกผู้ทําวิชชาที่ไม่สามารถตอบคําถามได้เพราะธรรมชาติของขี้ไต้จะต้องเขี่ยก่อนจึงติดไฟเปรียบเสมือนผู้ที่ไม่ใส่ใจทําวิชชาต้องให้คอยกระตุ้นเตือนอยู่เสมอ คุณยายไม่ชอบคํานี้และไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตัวท่าน ท่านจึงหมั่นเพียรในธรรมปฏิบัติเพื่อให้สามารถตอบคําถามของพระเดชพระคุณหลวงปู่ได้และอย่าให้หลวงปู่รําพึงเรียกท่านว่าไอ้ขี้ไต้เท่านั้น เมื่อถึงเวลาที่คุณยายต้องรับผิดชอบหน้าที่ในโรงงานทําวิชชา พอนั่งเข้าที่แล้วท่านจะเตรียมพร้อมในการตอบคําถามต่างๆ เพราะวิชชาธรรมกายนั้นต้องศึกษาด้วยการถามตอบ และจะต้องมีการส่งผลัดถ่ายทอดต่อกันไปว่า ผู้นี้ได้ทําวิชชาไปถึงจุดนี้แล้วให้ผู้ที่มารับหน้าที่ต่อได้นั่งเข้าที่มองตามไปว่ากลุ่มแรกทําวิชชาไปถึงตรงไหน พอญาณจรดกันได้กลุ่มแรกจึงจะสามารถถอนตัวออกมาเพื่อให้กลุ่มถัดไปรับช่วงต่อ คุณยายเอาใจใส่ต่อการทําวิชชาธรรมกายมาก ท่านจึงจรดใจไว้ที่ศูนย์กลางกายอยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งได้รับคําชมจากพระเดชพระคุณหลวงปู่วันหนึ่งหลังจากที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ซักถามผู้ทําวิชชาในโรงงานทําวิชชาหลายๆ ท่านรวมทั้งคุณยายแล้ว ครู่หนึ่งท่านก็รําพึงขึ้นมาในท่ามกลางนักทําวิชชาทั้งหลายในที่นั้นว่า “ลูกจันทร์นี้เป็นหนึ่งไม่มีสอง” พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ํากล่าวคํานี้ครั้งเดียวเท่านั้นแล้วก็นั่งนิ่ง หมายความว่าคุณยายของเราสู้ทําวิชชาอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันโดยไม่คํานึงถึงสิ่งใดเลย ท่านมุ่งไปสู่ที่สุดเพียงอย่างเดียว...

ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย

คุณยายเป็นผู้ที่รักการฝึกฝนตนเองอย่างยิ่ง ท่านมักตรวจตราดูอยู่เสมอว่าตัวของท่านเองยังมีข้อบกพร่องใดหลงเหลืออยู่บ้าง เมื่อพบแล้วท่านจะแก้ไขทันทีคุณยายทราบดีว่าท่านต้องพบเจอปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ในการสร้างบารมีไปสู่ที่สุดแห่งธรรม แต่ท่านกล่าวย้ําเสมอว่า “เราต้องอดทนแล้วมุ่งหน้าทําความดีต่อไป อย่างอมืองอเท้าหรือปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม” ท่านไม่เคยหวาดหวั่นหรือวิตกกังวลกับสิ่งเหล่านั้นเลย ท่านเพียรสร้างความดีเรื่อยมาจนกระทั่งมั่นใจที่จะบอกกับหลวงพ่อและทุกคนว่า “ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย” ทั้งนี้ไม่ได้หมายถึงภพชาติสุดท้ายที่ท่านจะเกิด แต่หมายถึงชาติสุดท้ายที่พญามารจะสามารถสับโขลกท่านด้วยข้อบกพร่องต่างๆ ได้ข้อบกพร่องเหล่านี้ล้วนเกิดจากอดีตชาติที่ผ่านมาทั้งสิ้น แม้คุณยายได้สั่งสมบุญบารมีมามากแต่ในบางครั้งท่านก็เผลอ เนื่องจากกิเลสยังไม่หมด พญามารจึงได้โอกาสสอดผังวิบากกรรมเข้ามาบังคับท่าน เนื่องจากมารนั้นไม่ใช่หมูและมารก็ไม่ใช่แมว เรายังไม่ชนะเขา และเขาก็ยังไม่ชนะเรา ยังเป็นคู่ปรับที่ต้องต่อสู้กันอยู่ โดยมีใจของเราเป็นสมรภูมิช่วงใดที่พญามารเข้ามาบังคับก็จะทําให้เราคิดชั่วพูดชั่ว ทําชั่ว แล้วพญามารก็ตั้งโปรแกรมของชีวิตให้มีวิบากเป็นผล ถ้าฝ่ายพระหรือฝ่ายกุศลเข้าสอดละเอียด ยึดปกครองกลางกายได้ทําให้คิดดีพูดดีทําดีก็จะเกิดผลกรรมที่ดีตามมา ในชาตินี้...

เพราะเห็นจึงซาบซึ้ง

คุณยายมีสิ่งซ่อนเร้นอยู่ภายในร่างที่สงบเงียบ เรียบง่าย และอ่อนน้อมถ่อมตน คือ ไม่ว่าจะหลับตาหรือลืมตาท่านก็มองเห็นความสว่างภายในพอมองผ่านแสงสว่างท่านก็จะเห็นดวงภายใน และกายภายใน เห็นพระธรรมกายซ้อนกันอยู่เป็นชั้นๆเมื่อส่งใจผ่านเข้าไปเรื่อยๆ ความละเอียดของใจก็จะลุ่มลึกยิ่งขึ้น มิฉะนั้นแล้วจะไม่สามารถตอบคําถามของพระเดชพระคุณหลวงปู่ได้เลย ท่านต้องส่งใจผ่านไปถึงจุดที่เป็นคําถาม ใจต้องไปอยู่ ณจุดนั้นตลอดเวลา เพราะเมื่อผ่านจากคําถามไปแล้วจึงจะถึงคําตอบได้ เมื่อคุณยายค้นคว้าวิชชาธรรมกายได้นานวันเข้าท่านก็รู้สึกปีติสุขในธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและซาบซึ้งในพระคุณของพระเดชพระคุณหลวงปู่ซาบซึ้งในวิชชาธรรมกาย รวมถึงการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ท่านตั้งใจที่จะสร้างบารมีทุกอนุวินาทีเพราะท่านเห็นและรู้แล้วว่าท่านเกิดมาสร้างบารมีเพื่อปราบมารประหารกิเลสให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ และมุ่งไปสู่ที่สุดแห่งธรรม โดยจะต้องปราบมารให้สําเร็จเสียก่อน เพราะเรื่องมารเป็นเรื่องใหญ่ มารเป็นผู้บันดาลให้สิ่งต่างๆ บังเกิดขึ้นมาเพื่อครอบงําสรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งหลาย วิธีการที่จะทําให้รู้แจ้ งเห็นแจ้ งในเรื่อ งนี้ได้ก็มีเพีย งการเข้าถึงพระธรรมกายเท่านั้น การที่คุณยายรู้เป้าหมายชีวิตได้ชัดเจนเพียงนี้เพราะท่านได้เห็นแล้วว่าก่อนมาเกิดท่านมาจากไหนมาทําไม...

ต้นบุญต้นแบบ

ถ้าหากไม่มีคุณยายหรือไม่ได้พบกับคุณยายดูเหมือนว่าชีวิตของหลวงพ่อรวมถึงศิษยานุศิษย์อีกเป็นจํานวนมากคงต้องลอยเคว้งคว้างอยู่ในห้วงทะเลแห่งความทุกข์ระทม เหมือนคนหลงทางในป่ารกที่หาทางออกไม่พบ คุณยายเป็นเสมือนผู้จุดประทีปในที่มืดและบอกทางแก่คนหลงทาง ทําให้เราได้พบแสงสว่างในชีวิต ท่านเป็นยอดกัลยาณมิตร ที่คอยประคับประคองหลวงพ่อและหมู่คณะวัดพระธรรมกายมาตั้งแต่ต้น ยามใดที่หลวงพ่อระลึกถึงท่าน ก็จะตระหนักว่าถ้าไม่มีท่านแล้ว ก็จะไม่มีเราที่อยู่ในเส้นทางการสร้างบารมีในวันนี้อย่างแน่นอนและคงหาผู้ที่ทําลายความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องเป้าหมายของชีวิต ชีวิตหลังความตายเรื่องนรก เรื่องสวรรค์และเรื่องกฎแห่งกรรมไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะยังไม่เคยมีใครให้ความกระจ่างได้มากเท่ากับคุณยายเลย ทั้งๆ ที่ท่านไม่รู้หนังสือ อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ แต่น่ามหัศจรรย์เพราะผู้ที่มีการศึกษาสูงทุกชนชั้นยังต้องไปกราบขอเรียนธรรมะกับท่าน หรือขอคําปรึกษาจากท่าน โดยถามในสิ่งที่คนอื่นให้คําตอบไม่ได้ เรื่องไปนรกไปสวรรค์นั้น สําหรับคุณยายแล้วเป็นเหมือนกับการเดินออกจากห้องนอนไปเข้าห้องน้ําเท่านั้นเอง นอกจากนี้ในเวลาที่ลูกศิษย์ต้องประสบกับโรคภัยร้ายแรงที่แพทย์ล้วนส่ายหน้าคุณยายจะบอกคนไข้ให้นั่งหลับตาทําสมาธิ แล้วท่านจะช่วยรักษา ซึ่งในสมัยนั้นไม่มีใครทราบว่าการนั่งสมาธิสามารถช่วยรักษาโรคได้แต่ในปัจจุบันนี้ ผลการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ได้ยืนยันชัดเจนแล้วว่าการนั่งสมาธิสามารถช่วยรักษาโรคได้จริง ถึงขนาดที่นิตยสารชื่อดังฉบับหนึ่งของสหรัฐอเมริกายังต้องนําผลการวิจัยเรื่องนี้มานําเสนอ คุณยายเคยพูดว่า ชาตินี้ยายไม่รู้หนังสือชาติต่อไปยายจะบวชตั้งแต่ยังเยาว์และได้ปฏิบัติธรรมะ ยายจะแทงตลอดหมดแล้วก็รู้ทุกภาษา หลวงพ่อบอกว่า...

ภารกิจหลักของคุณยาย

คุณยายเป็นหนึ่งในนักรบกองทัพธรรมที่มีหน้าที่ทําวิชชาเป็นหลัก นับตั้งแต่เข้าไปในโรงงานทําวิชชาของวัดปากน้ํา ภาษีเจริญ ซึ่งเป็นที่ชุมนุมของผู้มีบุญญาธิการที่เข้าถึงพระธรรมกายแล้วท่านได้เข้าไปรวมกลุ่มเพื่อทํางานอันยิ่งใหญ่และศึกษาวิชชาธรรมกายขั้นสูง อันเป็นเรื่องยากเกินกว่าที่คนทั่วไปจะเข้าใจจากคําบอกเล่า ยกเว้นแต่จะปฏิบัติด้วยตนเองจนรู้แจ้งเห็นจริงตามไปด้วย แม้ท่านมีภารกิจอันสูงส่งอยู่ภายในโรงงานทําวิชชาแต่เมื่อท่านเดินออกจากโรงงานทําวิชชาแล้ว ท่านก็ดูเหมือนแม่ชีธรรมดาๆ ที่เรียบง่ายคนหนึ่งเท่านั้นเพราะไม่มีใครทราบถึงภารกิจที่ท่านทําอยู่ สาเหตุที่ไม่มีใครล่วงรู้ก็เพราะโดยปกติแล้วผู้ทําวิชชาจะไม่นําเรื่องราวในโรงงานออกมาพูดกัน เพราะคนทั่วไปที่อยู่ภายนอกอาจตามไม่ทันแล้วเข้าใจผิดคิดเห็นเป็นอย่างอื่นได้หากจะพูดก็พูดกันเองในหมู่ผู้ทําวิชชาเท่านั้น โดยพูดไม่กี่ประโยคก็เข้าใจได้เพราะเห็นแจ้งพร้อมๆ กันอยู่แล้ว ในช่วงที่คุณยายเข้าไปในโรงงานทําวิชชาใหม่ๆ ท่านยังไม่คุ้นเคยกับภาษาที่ใช้ในโรงงานทําวิชชา แต่ท่านก็ตั้งใจมากและไม่เคยขาดการเข้าทําวิชชาแม้แต่เพียงวันเดียว ซึ่งการที่ใครคนใดคนหนึ่งจะสมัครใจอยู่ในพื้นที่อันจํากัด คือ บริเวณ โรงงานทําวิชชา ไปมาแค่เพียงหอฉันกับโรงงานและที่พักเป็นระยะเวลาหลายปีนับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายลองนึกดูว่าหากเราต้องอยู่ในบ้านสักหนึ่งปีโดยไม่ต้องไปไหนเลย เพียงแค่เดินไปเปิดปิดประตูรั้วหน้าบ้านแล้วกลับเข้าห้องมานั่งหลับตาเจริญภาวนาอย่างเดียวจะเป็นอย่างไร แต่คุณยายใช้ชีวิตในโรงงานทําวิชชานานหลายสิบปีโดยปฏิบัติกิจวัตรเหมือนกันทุกวันได้ท่านบอกว่าท่านไม่คิดเรื่องอื่นเลย คิดแต่เพียงเรื่องที่จะศึกษาวิชชาธรรมกายเท่านั้น คุณยายเล่าว่า ชีวิตของท่านในช่วงเวลานั้นมีความสุขมาก ท่านเป็นบุคคลที่อุดมไปด้วยคุณธรรมและคุณวิเศษภายในตัว...

ฝ่ายกองเสบียง

ฝ่ายสุดท้ายของกองทัพธรรมคือฝ่ายกองเสบียงซึ่งมีทั้งผู้ที่อยู่ในวัดและนอกวัด ผู้ที่อยู่นอกวัดได้แก่ท่านเจ้าภาพที่เป็นคฤหัสถ์มีหน้าที่ประกอบอาชีพเพื่อแสวงหาทรัพย์ เมื่อมีทรัพย์แล้วก็นํามาบริจาคเพื่อทําบุญหล่อเลี้ยงวัดวาอาราม เช่น ส่งอาหารเข้าโรงครัวเพื่อให้ผู้มีหน้าที่นํามาปรุงเลี้ยงพระภิกษุสามเณร และผู้ที่อยู่ในวัดทั้งหมด ฝ่ายกองเสบียงที่อยู่ภายในวัดเช่น อุบาสิกาแม่ชีที่มีหน้าที่ทําครัว หรือจัดภัตตาหารเลี้ยงพระ เป็นต้น ทั้ง 4 ฝ่ายของกองทัพธรรมนี้ต้องทําหน้าที่สอดคล้องกัน เพื่อรองรับภารกิจในการปราบมาร

Editor Picks