อยู่ในระหว่างการทดสอบการใช้งาน

ตัดไม้ข่มนาม

Getting your Trinity Audio player ready...

          ตลอดเวลาที่หลวงพ่ออยู่กับคุณยาย ท่านมักจะเมตตาหลวงพ่อเสมอๆ เมื่อหลวงพ่อขอให้ท่านช่วยเหลือทําสิ่งใดท่านก็ไม่เคยขัดหรือปฏิเสธจนถึงทุกวันนี้เมื่อมานึกย้อนทบทวนดูหลวงพ่อยังนึกไม่ออกเลยว่าตั้งแต่อยู่กับท่านมาท่านเคยปฏิเสธหลวงพ่อเรื่องอะไรบ้าง ปกติแล้วท่านจะเมตตาหลวงพ่อในทุกเรื่องแม้แต่เรื่องของการ “ตัดไม้ข่มนาม” ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีสาระอะไรเลยสําหรับคุณยาย แต่เมื่อหลวงพ่อเข้าไปขอให้คุณยายช่วยท่านก็ไม่ปฏิเสธ

           เมื่อครั้งยังเป็นนิสิตเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตอนนั้นหลวงพ่อกับเพื่อนๆ ยังมีอารมณ์สนุกสนานกันตามประสาวัยรุ่น ซึ่งการจะเล่าเรื่องนี้หลวงพ่อต้องขออโหสิกรรมกับทางจุฬาฯ เสียก่อน เหตุเกิดจากสมัยนั้นมีการแข่งขันรักบี้ประจําปีระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งปกติแล้วเกษตรฯ จะสามารถแข่งชนะมหาวิทยาลัยอื่นๆ ได้ทั้งหมดแต่ไม่เคยเอาชนะจุฬาฯได้เลย อันที่จริงปีนั้นหลวงพ่อก็วางอุเบกขาปลงตกแล้วว่าเกษตรฯ ต้องแพ้อีกแน่ๆ แต่เผอิญหัวหน้าทีมรักบี้ของเกษตรฯ ซึ่งเป็นนิสิตรุ่นพี่ปีสุดท้ายมาหาหลวงพ่อบอกว่าใครไม่รู้ไปปล่อยข่าวลือว่าหลวงพ่อเป็นหมอผี บ้างก็ปล่อยข่าวว่าเป็นฤๅษีที่ขลังมาก เล่าลือต่อๆ กันไปสารพัด หัวหน้าทีมรักบี้ได้ทราบกิตติศัพท์นี้จึงมาหาเพื่อขอให้ช่วยทําพิธีตัดไม้ข่มนามเพื่อให้ทีมรักบี้ของเกษตรฯ ชนะการแข่งขัน ด้วยความสงสารไม่อยากจะให้เพื่อนเสียหน้าเพราะอุตส่าห์เอาหลวงพ่อไปโฆษณาประชาสัมพันธ์ขนาดนั้น หลวงพ่อจึงจําใจรับปากว่าจะช่วยแต่ปัญหามีอยู่ว่าหลวงพ่อเองก็ไม่ทราบว่าต้องทําพิธีอย่างไรบ้างเพราะตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยทํามาก่อน

       หลวงพ่อคิดว่า ถึงแม้ไม่ทราบว่าปกติแล้วเขาทํากันอย่างไรก็คงไม่มีปัญหา เราออกแบบพิธีเองเลยก็ได้เพราะเพื่อนคนอื่นๆ ก็ไม่มีใครรู้ เท่าที่รู้คือต้องมีศาลเพียงตา สันนิษฐานเอาเองว่าศาลเพียงตาคงจะเป็นศาลที่ตั้งอยู่ในระดับเดียวกับสายตาในขณะที่เรายืน แล้วศาลนี้จะต้องมีที่วางเครื่องเซ่นไหว้อะไรบ้างก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน คงจะต้องวางหลบๆ เข้าไปข้างในจะได้มองไม่ค่อยเห็นเพราะผีคงไม่ชอบอะไรโจ่งแจ้ง ต้องทําให้ดูเร้นลับสักหน่อย คิดได้อย่างนี้แล้วก็ให้เพื่อนๆ ช่วยกันสร้างศาลที่สูงในระดับสายตา ซึ่งพวกเขาก็น่ารักมาก ร่วมแรงร่วมใจกันทําตลอดทั้งคืนจนเสร็จโดยที่หลวงพ่อไม่ต้องออกแรงเองเลย

         เมื่อได้ศาลแล้วหลวงพ่อต้องหาเครื่องเซ่นไหว้ เคยได้ยินมาว่าจะต้องมีขนมต้มแดงต้มขาว ซึ่งหลวงพ่อเองไม่รู้จักขนมพวกนี้จึงไปหารือกับคุณยาย “ยายทําไงดีเนี่ย เขามาแต่งตั้งให้เป็นอย่างนี้แล้ว” ท่านก็พูดเรียบๆ “เออ…แล้วยายจะช่วย” แล้วคุณยายก็สั่งให้เด็กไปเตรียมขนมต้มแดงขนมต้มขาวซึ่งตั้งแต่เกิดมาหลวงพ่อเพิ่งจะได้เห็นเป็นครั้งแรก แล้วก็ขอชิมก่อนผีเสียอีก

        พอเริ่มทําพิธีเราก็นําต้นก้ามปูซึ่งเป็นต้นไม้ประจําจุฬาฯ ไปปักไว้ที่บริเวณพิธีภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เพื่อ “ตัดไม้ข่มนาม” ตามความเข้าใจของเราเอง ก่อนอื่นก็ตั้งเสาขึ้นมาเหมือนเวลาประหารชีวิตนักโทษ ทีนี้ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาเป็นตัวแทนก็เลยเอาต้นก้ามปูที่หาได้จากแถวๆ นั้น ก่อนตัดก็คิดว่าเราต้องมีพิธีรําโดยเพชฌฆาตเสียก่อนพร้อมกับดนตรีมโหรีปี่พาทย์ เพื่อนที่อยู่ชมรมดนตรีไทยก็มาช่วยกันอย่างเต็มที่ ยกมาทั้งวงเพื่อบรรเลงประกอบพิธีส่วนเพื่อนที่รําลิเกเก่งก็แต่งชุดแดงถือดาบจริง ไม่ทราบว่าไปหาดาบมาจากไหน เป็นดาบที่ชนะเลิศการประกวดและมีอายุหลายร้อยปีทีเดียว เวลาขยับดาบจะมีเสียงก๊อกแก๊กตรงด้ามด้วยเพราะมีกระดูกผีตายโหงห้อยอยู่ เรียกว่าขลังมากจริงๆ

      พอถึงคราวจะตัดไม้ก็ต้องมีพราหมณ์ ตอนนั้นหลวงพ่อกําลังอยู่ในวัยสนุกสนานกับเพื่อนๆ เลยอาสาเป็นพราหมณ์เสียเอง ทีแรกนึกไม่ออกว่าพราหมณ์ต้องแต่งตัวอย่างไร เลยเอาผ้าปูที่นอนสีขาวมาซักแล้วนํามาตกแต่งร่างกายให้ดูเหมือนพราหมณ์ประกอบพิธี จากนั้นจึงตั้งชื่อนักกีฬาแต่ละคนเสียใหม่ให้ดูน่าเกรงขาม เช่น “ขุนปราบจามจุรีพ่าย” ก็ตั้งชื่อใหม่ให้กับทุกๆ คน

   เรื่องมหัศจรรย์มีอยู่ว่าในขณะที่ทําพิธีนั้นวงมโหรีปี่พาทย์ก็บรรเลงเพลงไปพร้อมกับคนรําดาบซึ่งรําได้สวยมาก พอได้จังหวะคนรําก็ลงดาบตัดไม้ดัง “ชั้วะ!!!” เท่านั้นเอง ได้เกิดมีฟ้าผ่าดัง “เปรี้ยง!!!” สนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ ทั้งๆ ที่ท้องฟ้าก็แจ้ง แดดออกแรงและไม่มีเมฆฝนแต่อย่างใด เมื่อทุกคนเห็นดังนั้นก็ร้องเฮกันหมด ต่างคนต่างรู้ว่าได้ฤกษ์ขึ้นรถไปแข่งแล้ว

       หลังจากทําพิธีที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขนจนฟ้าผ่าแล้ว พวกเราเคลื่อนขบวนไปยังสนามศุภชลาศัยเพื่อชมการแข่งขันรักบี้ พอลงสนามแข่งครึ่งแรกจุฬาฯ ก็ทําคะแนนนําไปก่อน หลวงพ่อนั่งเป็นกองเชียร์อยู่ที่อัฒจันทร์ก็นึกอยู่ในใจว่า “โอ…ยาย…ทําไงดี” เพื่อนๆ พากันบอกว่า “เฮ้ยเอาไง” หลวงพ่อทําเป็นเฉยๆ แต่ในใจนึกถึงคุณยายอยู่ตลอดเวลา “ยายๆ ทําไงดี แพ้เขาไม่ได้นะยาย เขานําไปแล้ว ยายทําแบบนี้ได้ไง” หลวงพ่อรําพึงอยู่ในใจแบบนี้ “ยาย…ยายต้องช่วยสิ ไม่ใช่ช่วยแค่ครึ่งเดียวแล้วขยักไว้ ยายต้องช่วยสิ แพ้ไม่ได้นะยาย ไม่อย่างนั้นต้องตายแน่เลย”หลวงพ่อรําพึงอยู่ในใจแบบนี้ตลอด แล้วก็นิ่งๆ เอาไว้ จนสุดท้ายพอถึงครึ่งหลัง เกษตรฯ ทําคะแนนคืนได้ จนจบการแข่งขันผลปรากฏว่าเกษตรฯเป็นฝ่ายชนะ ทําให้เพื่อนๆ ดีใจกันมาก

        พอแข่งรักบี้ชนะ พวกนิสิตเกษตรฯ ก็เดินทางกลับมาที่มหาวิทยาลัยเพื่อนํากระทงจากศาลเพียงตา ไปลอยที่สระน้ําหน้ามหาวิทยาลัย จากเหตุการณ์นี้ สถานีวิทยุยานเกราะนําข่าวไปออกอากาศว่าเกษตรฯ ใช้หมอผีทําพิธีตัดไม้ข่มนามในการแข่งรักบี้ ทําให้สามารถล้มแชมป์เก่าอย่างจุฬาฯ ได้ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะว่าหลวงพ่อเก่ง อันที่จริงหลวงพ่อไม่รู้เรื่องอะไรเท่าไร แต่เป็นเพราะอานุภาพของคุณยายซึ่งท่านเมตตาหลวงพ่ออยากให้หลวงพ่อสมปรารถนาเท่านั้นเอง

บทความที่เกี่ยวข้อง