Getting your Trinity Audio player ready...
|
คุณยาย เป็นบุคคลที่น่าศึกษามา หลวงพ่ออยู่กับท่านมานานตั้งแต่ปลายป พ.ศ.2506 จนถึงวันที่ท่านละสังขารในปี พ.ศ.2543 รวม 37 ปี เห็นท่านมีอารมณ์เดียว คือมีอารมณ์สม่ําเสมอ ท่านไม่ค่อยตื่นเต้นอะไรกับใคร บุคลิกของท่านดูเฉยๆ พูดจาเรียบๆ สมบัติของมีค่าต่างๆท่านเห็นแล้วเฉยๆ แม้ว่าจะเอาอะไรไปให้ท่านเพราะอยากให้ท่านดีอกดีใจก็ต้องผิดหวังไม่ว่าส่งอะไรไปให้ท่านจะต้องเอามานั่งหลับตาเข้าที่ดูทุกทีคืออารมณ์ ของท่านไม่ค่อยกระเพื่อม ไม่ว่าเราจะแสดงกิริยา อาการอย่างไร ท่านจะเฉยๆ นิ่งๆ ดูเหมือนท่านมี ความมั่นใจของท่าน มั่นใจอย่างสงบนิ่ง สงบเสงี่ยมสง่างาม และน่าเข้าใกล้ ทําให้รู้สึกเย็นอกเย็นใจ หลวงพ่อเคยไปยืนดูท่านใกล้ๆ เวลาท่าน ถางหญ้า แล้วถามว่า“ยายทําอะไร” ท่านตอบว่า “กําลังระลึกชาติ” ก็รู้สึกทึ่งว่าท่านระลึกชาติในขณะถางหญ้า ได้ด้วยหรือ ท่านระลึกย้อนหลังได้ แล้วก็เล่าอะไรให้ฟังมากมายท่านเล่าไป แล้วก็สอนไปเวลาสอน พระเณรที่วัดพระธรรมกาย ท่านจะพนมมือก่อนแล้ว บอกว่า “อย่าให้ยายบาปนะ” แล้วท่านก็ถวายความรู้ พระเณรว่าควรปฏิบัติตนอย่างนั้นอย่างนี้และที่ย้ํามากที่สุด คือ “อย่าสึกนะท่าน” คุณยายพูดไปก็ พนมมือไปด้วย
วันหนึ่งพระมหาเปรียญ 9 ประโยค ไปหา ท่าน ตอนนั้นท่านอยู่บ้านหลังเล็กข้างวัดปากน้ํา พระมหาเปรียญมาทดสอบภูมิธรรมของคุณยาย คุยไป คุยมาท่านก็นั่งฟังเฉยๆ รับว่า “ค่ะๆ” แล้วท่านก็ตอบได้หมด พระมหาเปรียญถามอะไรมาท่านก็ตอบ ได้ ท่านบอกว่าขอถามบ้าง “ท่านมหาท่านมหาก็จบ เปรียญธรรม 9 มานี่รักษาศีลน่ะ ศีลมันเป็นอย่างไร”พระมหาอธิบายว่าศีลคืออย่างนี้ๆ ว่าตามทฤษฎีไป คุณยายบอก “ไม่ใช่ แค่นั้นไม่พอ อย่างนั้นรักษา ไม่ได้หรอกแค่รู้เรื่องศีลเท่านั้นเองจะรักษาศีลก็ต้อง เห็นศีลไม่เห็นศีลแล้วจะไปรักษาได้อย่างไร” “แล้วเห็นศีลได้ด้วยเหรอไม่ใช่ศีลอย่างที่บอกไว้ในหนังสือเหรอ”
คุณยายก็เรียนท่านว่า “นั่นมันรู้เรื่องศีล แต่ศีลมันต้องเห็นได้สิเมื่อไม่เห็นแล้วจะไปรักษาได้อย่างไร ศีลมีลักษณะเป็นดวงกลมดวงศีลอยู่ในศูนย์กลางกาย ท่านมหานั่นแหละรักษาด้วยใจทําใจใสๆ หยุดนิ่งไปตรงนั้นแหละให้เห็นอยู่ตลอดเวลาเรียกว่ารักษาศีล” นี่คือผู้ไม่รู้หนังสืออ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ถามพระมหาเปรียญธรรม 9 ประโยค
แล้วพระมหาก็เลยขอมาเรียนวิชชาธรรมกายกับคุณยายบ้าง อีกครั้งหนึ่ง หลวงพ่อเคยถามคุณยายว่า “ยายเหงาบ้างไหม” ท่านตอบว่า “ยายไม่เคยเหงาเลย” “แล้วยายทําอย่างไรยายจึงไม่เหงา” ถามท่านครั้งหนึ่ง ตอนพบท่านใหม่ๆเมื่อท่านอายุ 50 กว่าปี พอ อายุ 60 กว่าก็ถามอีกครั้ง 70 กว่าก็ถาม 80 กว่าก็ ถาม แต่90กว่าไม่ได้ถาม ท่านตอบเหมือนเดิมว่า “ไม่เหงา”“ยายทําอย่างไรยายจึงไม่เหงา” ท่าน ตอบว่า “ยายนั่งเข้าที่”เป็นภาษาของท่านแปลว่า นั่งสมาธิ ท่านใช้คําว่า “ยายก็นั่งเข้าที่ไปคุยกับเทวดาก็ได้”หลวงพ่อเลยบอกว่าถ้าอย่างนี้ก็หมดห่วงแล้ว เพราะเทวดามีมากกว่ามนุษย์ คุยกันอีกกี่ร้อยปี ก็ไม่หมด จากวิมานนี้ก็ไปคุยวิมานนั้น
ถ้าเราทําได้อย่างท่าน เราจะไม่เหงา ใบหน้าจะตึงอย่างคุณยายตึงด้วยความสุขไม่ใช่ตึงด้วยความ โกรธ ตึงเหมือนกัน แต่ว่าตึงด้วยอะไรนั้นต่างกัน ท่านบอกว่าเดี๋ยวยายนั่งเข้าที่ไปคุยกับเทวดาก็ได้ไปนรกก็ได้ ไปสวรรค์ก็ได้ แม้กระทั่งไปนิพพานก็ได้ ไปกราบเรียนกับพระพุทธเจ้าก็ได้
ได้ฟังทีไรแม้จะ เป็นประโยคเก่าๆ แต่ทําให้ใจฟูทุกครั้งเพราะท่านพูดเรื่องที่ทําให้สบายหูและ สบายใจ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะท่านเข้าถึงธรรม เข้าถึงพระธรรมกายและเข้าถึงวิชชาธรรมกาย ท่านจึงมี
ความสุขอยู่ตลอดเวลาท่านบอกว่าท่านไม่อยากได้อะไร ท่านอยากอย่างเดียวคืออยากไปปราบมาร ประหารกิเลสความอยากของท่านไม่ค่อยเหมือนคนอื่น ท่านมักพูดว่า “นิพพานใครจะไปก็ไปเถอะ ยายยังไม่ไป ยายจะไปปราบ มาร”
เพราะเหตุนี้เอง ท่านจึงไม่ค่อยผูกพันอะไรกับใคร ท่านมุ่งไปที่งาน ในใจของท่านมีแต่งานงานทางใจกับภารกิจของท่านเท่านั้นเอง