Getting your Trinity Audio player ready...
|
นอกจากเรียนธรรมะกับคุณยายโดยตรงแล้วหลวงพ่อยังได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ เพิ่มเติมในเวลาที่มีแขกมาพบท่าน ซึ่งหลวงพ่อจะนั่งพิงเสาหัวด้วนคอยสังเกตดูท่านรับแขกตลอดเวลา ใหม่ๆ ก็ตื่นเต้นมากที่เห็นเขาเอาใบอนุโมทนาบัตรจากการเลี้ยงพระที่หอฉันวัดปากน้ํามาให้ท่านแล้วขอให้ท่านเมตตาคุมบุญไปให้พ่อแม่ปู่ย่าตายายและหมู่ญาติ เวลาเจอแขกคุณยายก็ถาม “คุณๆ ว่ามา คุณว่าไงนะ” แขกจะเรียนท่านว่าอยากให้คุณครู หรือคุณแม่อาจารย์ หรือครูจันทร์ (หมายถึงคุณยาย) ไปดูว่าพ่อแม่ผมตายแล้วไปอยู่ไหน วันนี้ผมมาทําบุญเลี้ยงพระวัดปากน้ํา ขอให้คุณครูช่วยเอาบุญไปให้ท่านด้วย แล้วก็ไม่เห็นคุณยายทําอะไรนอกจากนั่งเข้าที่ คือนั่งขัดสมาธิหลับตานิ่งๆ สักพักหนึ่งประมาณ 5–10 นาที ท่านบอกว่า “คุณนั่งไปด้วย” หมายความว่าให้แขกคนที่เอาใบอนุโมทนามานั่งปฏิบัติธรรมพร้อมๆ กับท่าน พอลืมตามาท่านก็ส่งใบอนุโมทนาคืนแล้วพูดสั้นๆ ว่าฉันคุมบุญเอาไปส่งให้พ่อแม่คุณที่ตายไป ตอนนี้มีความสุขอยู่ตรงนี้แขกที่มากราบก็ถามว่าอยู่ที่ไหน ท่านก็ตอบว่าอยู่ตรงนั้น อยู่ตรงนี้ สวรรค์ชั้นนั้น ชั้นนี้ เป็นต้น
คุณยายจะไม่เรียกชื่อสวรรค์ว่าเป็นชั้นจาตุมหาราชิกา ดาวดึงส์ ยามา ดุสิตา แต่ท่านจะเรียกว่า ชั้น 1 ชั้น 2 ส่วนมากจะได้ยินว่าผู้ที่ละโลกไปแล้วนั้นอยู่แต่ชั้น 1 กับชั้น 2 นานๆ จะได้ยินว่าไปชั้น 3 ส่วนชั้น 4 เป็นต้นไปไม่ค่อยได้ยินมักจะมีแต่ชั้น 1 พอคุมบุญไปแล้วท่านจะอธิบายว่านําไปส่งที่ชั้น 1 วิมานเป็นอย่างนี้ สูงเท่านั้นโยชน์ วิมานวัดกันเป็นโยชน์ (1 โยชน์ เท่ากับ 16 กิโลเมตร) มีบริวารจํานวนเท่านั้น บริวารหนึ่งแสน สองแสน หลวงพ่อฟังแล้วก็อัศจรรย์ใจว่าเทวดามีบริวารเป็นแสนจากใบอนุโมทนาบัตรเลี้ยงพระใบเดียวเท่านั้นเอง บริวารเยอะขนาดนั้นจะเลี้ยงดูหรือกินอยู่กันอย่างไร
คุณยายมักจะพูดถึงชั้น 1 ชั้น 2 เป็นประจํา นานๆ ทีจึงจะมีชั้นที่สูงกว่า คือเป็นผู้ที่ทําบุญมากโดยทั่วไปนับตั้งแต่สงเคราะห์โลก เลี้ยงพระวัดปากน้ํา เลี้ยงพระสงฆ์ทั่วทั้งสังฆมณฑล สะดวกวัดไหนก็ไปวัดนั้น คํานวณกําลังบุญแล้วไปได้ถึงชั้น 3 เป็นต้น คุณยายจะใช้คําอย่างนี้ ใหม่ๆ หลวงพ่อก็ตื่นเต้นว่าทําไมการไปนรกสวรรค์จึงเป็นเรื่อง ง่ายสําหรับท่าน ไม่เห็นต้องใช้ยานพาหนะใดๆ ไปได้เป็นปกติเหมือนหายใจเข้าออกหรือเหมือนกับเราเดินออกจากห้องนอนเข้าห้องน้ําทั้งง่ายดายและใช้เวลาไม่นาน เดินเข้าห้องน้ําอย่างมากก็ 5 นาที เห็นยายนั่งไปดูนรกสวรรค์ก็ 5 นาทีอย่างนี้เหมือนกัน
แขกที่มาพบท่านมักเป็นเช่นนี้คล้ายๆ กันหมด บางคนไม่มีความทุกข์อะไร ท่านก็สอนให้เข้าหาความสุขภายใน บางคนมีความทุกข์ท่านก็หาทางดับทุกข์ให้ด้วยการสอนนั่งสมาธิ บางคนมีข้อสงสัยท่านก็ตอบคําถามให้หายสงสัย ถ้าขอให้คุมบุญท่านก็คุมบุญให้ มีอยู่ท่านหนึ่งไปกราบคุณยายว่า “คุณครูขา อิชั้นต้องไปผ่าตัด เอกซเรย์แล้วมีเนื้องอกอยู่ในท้อง ช่วยคุมบุญให้ด้วยนะคะ” เมื่อฟังแล้วคุณยายก็หลับตาอยู่สองสามนาทีแล้วตอบไปว่า “คุณอย่าไปผ่าเลย มันไม่มีอะไร” “ไม่ได้ค่ะ ต้องผ่า เพราะคุณหมอบอกให้ผ่า” “อืม…ก็แล้วแต่คุณ” เมื่อถึงเวลาแขกท่านนั้นไปผ่าตัดตามที่คุณหมอนัดเอาไว้ ปรากฏว่าไม่พบเนื้องอกแต่อย่างใด แล้วแขกท่านนั้นก็กลับมารายงานคุณยายว่า “คุณครู มันไม่มีอะไรอย่างที่คุณครูว่าจริงๆ ด้วยค่ะ”
แขกบางท่านที่มาปฏิบัติธรรมที่วัดปากน้ํากับคุณยาย บ้างก็รําพึงรําพันให้คุณยายฟังว่า “ช่วยฉันหน่อยเถอะให้ฉันได้เข้าถึงดวงใสๆ แม้ไม่ถึงพระธรรมกายก็ไม่เป็นไร เอาดวงใสๆ แล้วจะเอาเงินมาถวายให้” คุณยายตอบว่า “คุณเอาทองมากองสูงท่วมหัว ฉันยังเอามาให้ไม่ได้เลย คุณต้องไปทําเองถึงจะได้” นั่นหมายความว่าไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม คุณยายสามารถทําได้เพียงชี้แนะหนทางที่ถูกต้องให้เท่านั้น แต่หลักๆ แล้วเราต้องทําด้วยตัวของเราเองไม่เว้นแม้แต่หลวงพ่อ ถึงกระนั้นหลวงพ่อก็ดีใจว่าเราได้มาเจอครูบาอาจารย์ที่ทําให้ความสงสัยสิ้นสุดลงแล้ว และเกิดความตื่นตัวขวนขวายที่จะศึกษาเรียนรู้สิ่งที่มีอยู่ในพระไตรปิฎกให้เพิ่มขึ้นในระดับที่สามารถพิสูจน์ได้ ก่อให้เกิดความเชื่อมั่นล้านเปอร์เซ็นต์ ถึงขั้นที่จะผลักดันให้เราเปลี่ยนแปลงการดําเนินชีวิตให้เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องได้
ต่อมาเมื่อหลวงพ่อได้ฟังคุณยายพูดเรื่องนรกสวรรค์บ่อยเข้าก็เริ่มชิน เห็นท่านทําอย่างนั้นด้วยตาและได้ยินด้วยหูจนคุ้นเคย พอไปดูท่านรับแขกทีไรก็เห็นท่านทําอย่างนี้เรื่อยๆ เมื่อชินแล้วก็เริ่มเฉย เข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติของคนที่ทําได้ช่วงหลังๆ พอแขกมาหาท่าน หลวงพ่อจะลงจากบ้านไปเพื่อหาที่สงบนั่งสมาธิ ส่วนมากจะเป็นที่วิหารคดซึ่งมีพระพุทธรูปประดิษฐานเรียงรายกันอยู่ ที่ฐานพระพุทธรูปแต่ละองค์มีอัฐิของผู้ล่วงลับบรรจุไว้พร้อมกับมีป้ายชื่อ หลวงพ่อบอกกับเจ้าของอัฐิว่าไม่ได้มารบกวนให้ต่างคนต่างอยู่ ในเมื่อท่านตายแล้วยังไม่เอาอัฐิไปเราก็ไม่เอาเหมือนกัน เพราะฉะนั้นไม่ต้องหวงแหนอะไรแล้วก็ไม่ต้องมาเยี่ยมด้วย ไม่ต้องเข้าฝัน มาให้เห็น หรือทักทายกัน แล้วหลวงพ่อก็นั่งๆ นอนๆ อยู่แถวนั้น คอยกลับมาแอบดูเป็นระยะๆ ว่าแขกของคุณยายกลับไปกันหมดหรือยัง ถ้าแขกกลับไปแล้วก็จะเข้ามานั่งสมาธิกับคุณยายต่อ
การได้เห็นคุณยายตรวจดูนรกสวรรค์นั้นทําให้หลวงพ่อเชื่อว่านรกสวรรค์เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ตามพุทธวิธี จะใช้กล้องส่องแล้วบอกว่าไม่มีก็ไม่ได้เพราะต้องอาศัยเลนส์ใจ จะใช้เลนส์แบบที่ส่องดูดาวไม่ได้ ส่องแล้วบอกว่าเห็นดาวได้ทําไมไม่เห็นนรกสวรรค์นั้นไม่ถูก หรือสรุปว่าพิสูจน์ไม่ได้ก็ไม่ถูก แท้จริงแล้วคือยังไม่ได้พิสูจน์ ถ้าได้พิสูจน์ก็จะพิสูจน์ได้ อุปกรณ์ที่ใช้พิสูจน์คือการเข้าถึงพระธรรมกาย จากนั้นจึงศึกษาวิชชาธรรมกาย เมื่อเราทําได้แล้วการพิสูจน์นรกสวรรค์จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป กลับเป็นเรื่องที่อยู่ในวิสัยที่ทําได้ คุณยายได้ยืนยันอย่างนั้นเช่นเดียวกับครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆ ในยุคของพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ํา
ความรู้เรื่องการไปเยือนนรกสวรรค์นี้ คุณยายเรียนมาจากพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ําในฐานะนักเรียนที่ศึกษาวิชชาธรรมกายในโรงงานทําวิชชา ไม่ได้หมายความว่ามีท่านคนเดียวที่ทําได้เพราะในโรงงานนั้นทํากันได้หลายคนแต่หลวงพ่อกล่าวถึงคุณยายท่านเดียวเพราะไม่คุ้นกับท่านอื่น สิ่งเหล่านี้ทําให้หลวงพ่อหายสงสัยในคําสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มีบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก เมื่อหายสงสัยแล้วก็อยากจะปฏิบัติจนบรรลุผลและไปให้ได้บ้าง
เราจะสามารถหยั่งรู้ถึงความเป็นจริงของคุณยายได้ก็ต้องอาศัยการศึกษาวิชชาธรรมกาย ส่วนเรื่องการทําความสะอาดบ้านเรือน การไปนรก ไปสวรรค์ หรือตอบคําถามสาธุชนที่มากราบท่านนั้นยังไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของคุณยาย ความเป็นจริงอยู่ลึกไปกว่านั้น แต่ดูเหมือนท่านทําตัวสบายๆ ราวกับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เมื่อท่านรับแขกเสร็จแล้วก็ลงไปชั้นล่างเพื่อทําภารกิจต่างๆ ของท่านโดยที่ใจยังหยุดนิ่งอยู่ตลอดเวลาเหมือนเดิม