อยู่ในระหว่างการทดสอบการใช้งาน

หน้าแรกบทความ

บทความ

Most Commented

ปรโลก…มีจริง

โลกยังขาดแคลนความรู้ที่แท้จริง จึงไม่ได้ทํางานที่แท้จริงเสียที มีความรู้แค่เพียงการดํารงชีพ เพื่อความอยู่รอด แต่ความรู้ที่จะเอาตัวให้รอด ยังไม่ได้ให้ความสําคัญเลย อาจเป็นเพราะไม่เคยได้ยินได้ฟังและไม่มีการขยายความรู้นี้ออกไป เพราะฉะนั้น โลกตอนนี้แม้อยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่เจิดจ้า แต่ความจริงแล้วยังมืดภายในอยู่ ยังไม่รู้วิธีการดําเนินชีวิตที่ถูกต้อง ชาวโลกอาจจะเข้าใจดี มีความรู้อย่างสมบูรณ์ในเรื่องโลกนี้ แต่เรื่องปรโลกนั้นยังไม่ค่อยเข้าใจ รู้สึกเขายัง innocent ยังไร้เดียงสากับความรู้เรื่องปรโลก ซึ่งเป็นโลกที่ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เราปฏิเสธการไปได้ แต่ปรโลกเราปฏิเสธไม่ได้ ดังนั้น เมื่อเราจําเป็นต้องไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงควรศึกษาไว้ก่อนว่าชีวิตในปรโลกนั้นเขามีความเป็นอยู่กันอย่างไร ถ้าไม่รู้แล้วอันตราย ถ้าจะเอาแต่รวย แต่เอาตัวไม่รอด ถ้าจะเอาตัวรอด...

กฎแห่งกรรม… สิ่งที่ทุกคนต้องศึกษา

การศึกษาเรื่องกฎแห่งกรรม มีความจําเป็นมาก เราจะต้องศึกษาให้เข้าใจ โดยเฉพาะพระภิกษุ สามเณร ซึ่งเป็นกองรบหลักของกองทัพธรรม จะต้องมีความเชื่อหรือเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรมให้ได้มากที่สุด เมื่อเข้าใจแล้ว เราก็กล้าที่จะยืนยันให้ญาติโยมเชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ ซึ่งถ้าพระเชื่อ เณรเชื่อ โยมเชื่อ ความชั่วก็จะไม่เกิดขึ้นในโลก หิริโอตตัปปะก็จะตั้งขึ้นได้ จะมีความละอายต่อการทําบาป คล้าย ๆ เสียศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ คนอย่างเราต้องไม่ทําบาป หรือไม่ก็เกรงกลัวว่าจะมีผลไปอบาย ซึ่งมีความทุกข์ทรมานยาวนานมาก ถึงเวลาแล้วที่พุทธบริษัท ๔ จะต้องมาศึกษาเรื่องกฎแห่งกรรมให้เข้าใจ ให้แจ่มแจ้ง เพื่อจะได้ปฏิบัติให้ถูก...

กฎที่ต้องรู้…ไม่รู้อันตราย

กฎแห่งกรรมเป็นกฎที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่รู้ก็ไม่ได้ ไม่รู้ก็ดําเนินชีวิตผิดพลาด ต้องศึกษาให้รู้ เป็นเรื่องสําคัญ เพราะเราตกอยู่ภายใต้ Law of Kamma กฎแห่งการกระทํา ทางกาย ทางวาจา ทางใจ ไม่ว่าดีหรือชั่วล้วนมีผลทั้งสิ้น ถ้าชั่วก็มีผลไปอบาย ถ้าดีก็มีผลไปสุคติ ที่ไปอบาย อุปมาเหมือนฝุ่นในผืนปฐพี ไปสวรรค์ อุปมาเหมือนฝุ่นในเล็บมือ เพราะไม่มีความรู้เรื่องกฎแห่งกรรมจึงดําเนินชีวิตผิดพลาดไปอบาย ไปถึงตรงนั้น ไม่มีสิทธิ์คิดอะไร ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะพูดว่า รู้อย่างนี้ ไม่รู้ด้วยว่า ทําไมถึงมาอยู่ตรงนี้ พอลงมา...

หากย้อนเวลาได้

ช่วงเวลา 4-5 ปีที่ได้อยู่กับคุณยายที่วัดปากน้ํานับเป็น ช่วงเวลาที่หลวงพ่อเรียนธรรมะ กับคุณยายอย่างมีความสุขมากนั่งอยู่บนอาสนะเดียว เป็นแผ่นกระดานเรียบๆ ไม่มีอะไรรอง ด้านหลัง พิงเสาหัวด้วนต้นเล็กๆนั่งจนไม้มันขึ้นเงาทีเดียวคุณยายจะคอยบอกว่า “คุณนั่งไป ทําอย่างนั้นนะ” ท่านค่อยๆสอนค่อยๆ ย้ํา หลวงพ่อรู้สึกว่าสิ่งอื่นใดในโลกนี้ไม่มี ความหมายอีกแล้ว รู้สึกถึงคําว่าโลกว่างอย่างแท้จริงแม้จะมีคนสัตว์สิ่งของตึกรามบ้านช่องอยู่มากมายแต่เหมือนไม่มี เพราะเราไม่มีความผูกพันธ์ และไม่เห็นความสําคัญของ สิ่งเหล่านั้นเลยรู้สึกเฉยๆกับทุกสิ่งช่วงก่อนบวชนั้นหลวงพ่อสุขใจมากจริงๆ พอบวชแล้วก็ได้มาสร้างวัด เริ่มที่จะมีมารตามมารังควานเป็นเรื่องแปลกอยู่เหมือนกัน ได้แต่นึกว่าเราเป็นลูกศิษย์ของพระบรมศาสดา ท่านเองก็ต้องผจญมารนับตั้งแต่ก่อนบรรลุธรรม จนกระทั่งถึงคราวดับขันธปรินิพพานลูกศิษย์อย่างเราคงหนีไม่พ้น ต้องเจอบ้างเป็นธรรมดา หลวงพ่อทุ่มเทสร้าง...

มีอารมณ์เดียว

คุณยาย เป็นบุคคลที่น่าศึกษามา หลวงพ่ออยู่กับท่านมานานตั้งแต่ปลายป พ.ศ.2506 จนถึงวันที่ท่านละสังขารในปี พ.ศ.2543 รวม 37 ปี เห็นท่านมีอารมณ์เดียว คือมีอารมณ์สม่ําเสมอ ท่านไม่ค่อยตื่นเต้นอะไรกับใคร บุคลิกของท่านดูเฉยๆ พูดจาเรียบๆ สมบัติของมีค่าต่างๆท่านเห็นแล้วเฉยๆ แม้ว่าจะเอาอะไรไปให้ท่านเพราะอยากให้ท่านดีอกดีใจก็ต้องผิดหวังไม่ว่าส่งอะไรไปให้ท่านจะต้องเอามานั่งหลับตาเข้าที่ดูทุกทีคืออารมณ์ ของท่านไม่ค่อยกระเพื่อม ไม่ว่าเราจะแสดงกิริยา อาการอย่างไร ท่านจะเฉยๆ นิ่งๆ ดูเหมือนท่านมี ความมั่นใจของท่าน มั่นใจอย่างสงบนิ่ง...

เครื่องสําอางของคุณยาย

เมื่อหลวงพ่อบวชใหม่ๆ ช่วงนั้นยังเป็นหนุ่ม ผิวหน้าเหมือนกับผิวพระจันทร์ คือเป็นหลุมเป็นบ่อคุณยายบอกว่า “เดี๋ยวยายจะเปลี่ยนธาตุให้ เอาธาตุธรรมที่ไม่สะอาดออก ให้เหลือแต่ที่สะอาดๆ ”หลวงพ่อคิดว่าดีเหมือนกัน นั่งปฏิบัติธรรมกับคุณยายไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไร ส่วนมากจะนั่งเงียบๆ พอไปทําวัตรเย็นเสร็จกลับมาจะถามท่านเรื่อยๆ ว่า “ยายถมหลุมบ่อเต็มหรือยัง”  นึกย้อนกลับไปแล้วรู้สึกว่าแปลกดีเหมือนกันไม่เห็นท่านทําอะไร นอกจากนั่งปฏิบัติธรรมแล้วความเปลี่ยนแปลงก็ค่อยๆ เกิดขึ้นพระภิกษุทั้งที่บวชเก่าและบวชใหม่เริ่มจะถามกัน หลวงพ่อเองไม่รู้หรอกว่าเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนก็มาบอกคุณยายท่านตอบว่า “ค่ะๆ” แล้วท่านก็ไม่พูดอย่างอื่นเลย พอใกล้ออกพรรษาได้สังเกตดูอีกครั้งปรากฏว่า ใบหน้าเกลี้ยงเกลาแล้ว คุณยายใช้เครื่องสําอางทําให้หน้าเกลี้ยงได้ แต่เครื่องสําอางของท่านไม่เหมือนกับเครื่องสําอางที่คนทั่วไปใช้กัน     ...

Editor Picks