อยู่ในระหว่างการทดสอบการใช้งาน

หน้าแรกบทความ

บทความ

Most Commented

คุณยายเตือนให้บวช

          ย้อนไปถึงวันที่คุณยายให้คําตอบหลวงพ่อ เรื่องนรกสวรรค์เป็นครั้งแรก หลวงพ่อเป็นเด็กหนุ่มอายุ 19 ปี เมื่อได้ยินได้ฟังคําตอบจากท่านแล้วก็เกิดกุศลศรัทธาบอกท่านว่า “ผมอยากบวช ผมบวชได้ไหม” ซึ่งในขณะนั้นเป็นนิสิตชั้นปีที่  1 ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คุณยายตอบว่า “อย่าเพิ่งเลย ไปเรียนให้จบเสียก่อน” ต่อมาเมื่อหลวงพ่อเรียนจบแล้วจึงวางแผนออกบวชในเดือนธันวาคม เพราะคิดว่าต้องทําความเข้าใจกับทางบ้านก่อนเนื่องจากเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวน เป็นหินในไข่ ส่วนใหญ่เขามีแต่ไข่ในหินที่ต้องทะนุถนอม แต่สําหรับหลวงพ่อเป็นพันธุ์หินในไข่...

อย่างนี้ก็มีด้วย

เมื่อมีแขกมาพบคุณยาย ท่านจะตรวจดูนรกสวรรค์ให้เสมอ แต่ไม่ได้หมายความว่าแขกที่มาพบจะเชื่อคุณยายทุกคนบางคนเชื่อ บางคนไม่เชื่อ บางคนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง มีอยู่รายหนึ่งเป็นผู้ใหญ่ ท่านรูปร่างสันทัดออกท้วมๆ ศีรษะเถิกมีผมเหลือน้อย ภรรยาของท่านเป็นครูโรงเรียนวัดบวรนิเวศที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาคุณยายมาก แต่ฝ่ายชายที่เป็นสามีนั้นเฉยๆ เป็นคนดื้อที่แปลก ไม่เชื่อเรื่องนรก สวรรค์ ไม่เชื่อเรื่องกายละเอียด แต่สวดมนต์อย่างเดียวหลายชั่วโมงทุกวัน เผื่อเหนียวไว้ ส่วนภรรยาของท่านนั่งสมาธิเป็นประจํา หลวงพ่อเห็นเขาดื้อมากจนหลวงพ่ออดไม่ได้ที่จะหงุดหงิด วันนั้นพอเขามากราบคุณยาย เขาก็ขึ้นมานั่งข้างหน้า ยกมือไหว้คุณยายแล้วขึ้นอารัมภบทว่า ผมไม่เชื่อหรอกว่านรกสวรรค์มีจริง ผมเชื่อว่าตายแล้วสูญ แต่ผมอยากให้คุณครูช่วยดูให้หน่อยว่าพ่อแม่ของผมตายแล้วไปอยู่ที่ไหน ผมทําบุญแล้วจะเอาบุญนี้อุทิศไปให้...

สังเกตคุณยายรับแขก

            นอกจากเรียนธรรมะกับคุณยายโดยตรงแล้วหลวงพ่อยังได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ เพิ่มเติมในเวลาที่มีแขกมาพบท่าน ซึ่งหลวงพ่อจะนั่งพิงเสาหัวด้วนคอยสังเกตดูท่านรับแขกตลอดเวลา ใหม่ๆ ก็ตื่นเต้นมากที่เห็นเขาเอาใบอนุโมทนาบัตรจากการเลี้ยงพระที่หอฉันวัดปากน้ํามาให้ท่านแล้วขอให้ท่านเมตตาคุมบุญไปให้พ่อแม่ปู่ย่าตายายและหมู่ญาติ เวลาเจอแขกคุณยายก็ถาม “คุณๆ ว่ามา คุณว่าไงนะ” แขกจะเรียนท่านว่าอยากให้คุณครู หรือคุณแม่อาจารย์ หรือครูจันทร์ (หมายถึงคุณยาย) ไปดูว่าพ่อแม่ผมตายแล้วไปอยู่ไหน วันนี้ผมมาทําบุญเลี้ยงพระวัดปากน้ํา ขอให้คุณครูช่วยเอาบุญไปให้ท่านด้วย แล้วก็ไม่เห็นคุณยายทําอะไรนอกจากนั่งเข้าที่ คือนั่งขัดสมาธิหลับตานิ่งๆ...

คําสอนจากเรื่องจริง

           บางวันคุณยายก็นึกสนุกวันหนึ่งท่านบอกหลวงพ่อ สมัยที่ยังไม่ได้บวชว่า คุณๆคุณไปดูหนุ่ม สาวเขาคุยกันสิหลวงพ่อก็สงสัยว่าท่านนึกอย่างไรจะให้เราไปดูหนุ่มสาวหนุ่มสาวที่ไหน กันท่านบอกว่าข้างบ้านนะเปิดประตูไปแล้วเลี้ยวซ้ายนะเราก็ทําตามเปิดประตูไปก็เลี้ยวซ้าย ไม่เห็นมีหนุ่มสาวเลยเห็นอยู่ 2 คนคนหนึ่งเป็นผู้ชายอายุ 85 อีกคนเป็นผู้หญิงอายุ 84 เขาคุยกันฝ่ายหญิงหนีฝ่ายชายมาอยู่วัดฝ่ายชายคิดถึงเลยมาตาม “โอ เราก็แก่ๆกัน แล้วนะกลับบ้านเถอะ มาอยู่ทางนี้เรื่องอะไรก็ลืมๆซะเถอะ” ฝ่ายสาวตอบว่า “ไปอยู่บ้านโน้นสิ” คือว่าหนุ่มผู้เฒ่านี้มีอยู่...

ตัดไม้ข่มนาม

          ตลอดเวลาที่หลวงพ่ออยู่กับคุณยาย ท่านมักจะเมตตาหลวงพ่อเสมอๆ เมื่อหลวงพ่อขอให้ท่านช่วยเหลือทําสิ่งใดท่านก็ไม่เคยขัดหรือปฏิเสธจนถึงทุกวันนี้เมื่อมานึกย้อนทบทวนดูหลวงพ่อยังนึกไม่ออกเลยว่าตั้งแต่อยู่กับท่านมาท่านเคยปฏิเสธหลวงพ่อเรื่องอะไรบ้าง ปกติแล้วท่านจะเมตตาหลวงพ่อในทุกเรื่องแม้แต่เรื่องของการ “ตัดไม้ข่มนาม” ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีสาระอะไรเลยสําหรับคุณยาย แต่เมื่อหลวงพ่อเข้าไปขอให้คุณยายช่วยท่านก็ไม่ปฏิเสธ            เมื่อครั้งยังเป็นนิสิตเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตอนนั้นหลวงพ่อกับเพื่อนๆ ยังมีอารมณ์สนุกสนานกันตามประสาวัยรุ่น ซึ่งการจะเล่าเรื่องนี้หลวงพ่อต้องขออโหสิกรรมกับทางจุฬาฯ เสียก่อน เหตุเกิดจากสมัยนั้นมีการแข่งขันรักบี้ประจําปีระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งปกติแล้วเกษตรฯ จะสามารถแข่งชนะมหาวิทยาลัยอื่นๆ...

คุณยายสอนข้ามชาติ

           คุณยายมักจะสอนหลวงพ่อด้วยการเล่าเรื่อง ย้อนหลัง ย้อนหลังไปไกลๆ ชาตินั้น ชาตินี้ ชาติโน้นเคยเกิดเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ได้สร้างบุญอย่างนั้นสร้างกรรมอย่างนี้ แล้วจึงกลายเป็นอย่างนี้ท่านสอนอย่างละเอียดถ้านั่งคู่กัน แล้วท่านจะสอนหมดทั้งย้อนหน้า และย้อนหลังสอนว่าถ้าประกอบเหตุอย่างนี้ผลจะเป็นอย่างนั้น ประกอบเหตุชาตินี้ ผลชาติหน้าจะเป็นอย่างไร           ท่านอบรมหลวงพ่อไม่มีว่างเว้น จึงมักได้ยินเรื่องเหล่านี้อยู่เนืองๆ หลวงพ่อฟังท่านสอนอย่างสบายๆ...

Editor Picks