อยู่ในระหว่างการทดสอบการใช้งาน

หน้าแรกบทความ

บทความ

Most Commented

หนีพ่อมาหาคุณยาย

ในช่วงที่เรียนธรรมะอยู่กับคุณยายนั้นเองคราวหนึ่งระหว่างปิดเทอมภาคฤดูร้อนโยมพ่อพาหลวงพ่อไปอยู่กับท่านที่ต่างจังหวัด แต่หลวงพ่ออยากไปเรียนธรรมะกับคุณยาย จึงเก็บเสื้อผ้าใส่ กระเป๋า นอนรอเวลาอยู่ที่นอกชาน พอตี 4 ก็เก็บมุ้ง และที่นอนให้เรียบร้อยไปกราบลาโยมพ่อที่หน้าประตูห้องจากนั้นจึงขึ้นรถโดยสารมาวัดปากน้ําภาษีเจริญเพื่อมาหาคุณยายทั้งๆที่ไม่มีเงินติดตัวพลางนึกในใจว่าถ้าพนักงานเก็บค่าโดยสารมาถึง เราจะบอกเขาตรงๆว่าไม่มีเงิน แล้ววันหลังจะเอาเงินมาให้เป็นค่าโดยสารถ้าเขาไม่เชื่อ แล้วจะให้ลงจากรถเราก็จะเดินไปวัดปากน้ําซึ่งมีระยะทางประมาณ 166 กิโลเมตร แต่เรื่องมหัศจรรย์ได้เกิดขึ้นเพื่อนรักคนหนึ่งซึ่งเป็นนิสิตอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(ตอนนี้ปลดเกษียณไปแล้ว) ร้อยวันพันปีก็ไม่คิดว่าจะเจอกันบนรถโดยสาร พอได้เจอก็นั่งติดกันเขาถามว่าจะไปไหนก็ตอบว่าจะไปกรุงเทพฯ คุยกันสักพักเขาถามว่าจะไปพักที่ไหนก็ตอบว่ายังไม่รู้เขาจึงชวนหลวงพ่อให้พักด้วยกัน เพราะเขาจะไปเรียนภาคฤดูร้อน พอพนักงานเก็บค่าโดยสารค่อยๆย่างเข้ามาหลวงพ่อก็ยิ้มแล้วกระซิบบอกเพื่อนว่า ไม่มีเงินติดตัวเลยแทนที่เพื่อนจะกระซิบตอบกลับร้องขึ้นว่าไม่เชื่อหรอกหลวงพ่อ ยืนยันว่าไม่มีจริงๆ เพื่อนถามว่าไม่มีแล้วไปได้อย่างไรได้สิถ้าเขามาก็จะบอกเขาว่าวันหลังจะเอาค่าโดยสารมาให้แต่ถ้าไม่เชื่อก็จะลงเดินพอดีมาเจอกันบนรถเพื่อนก็เลยควักเงินออกจากกระเป๋ามีอยู่ 300 บาทแบ่งให้หลวงพ่อ 150...

สะสางธาตุธรรม

ปกติแล้วเวลาเรียนธรรมปฏิบัติกับคุณยายท่านจะนั่งหลับตาสอนหลวงพ่อซึ่งหลวงพ่อต้องหลับตาตามแล้วเรียนวิชชาธรรมกายจากท่านมีอยู่วันหนึ่งหลวงพ่อเห็นว่าท่านลืมตาจึงสงสัยว่าที่เห็นนั้นจริงหรือไม่หลวงพ่อได้ลืมตาขึ้นมา ดูท่านเห็นท่านกําลังลืมตาดูหลวงพ่ออยู่พอดี  “ยาย...ลืมตาทําไมล่ะ” “เพิ่งลืมเดี๋ยวนี้เอง” “แล้วยายลืมตาทําไม” “ก็ลืมตามาดูคุณน่ะสิ” “ดูทําไมล่ะยาย” “ก็ดูว่าเหตุกับผลมันตรงกันมั๊ย” “คืออะไรยาย...เหตุกับผล” คุณยายอธิบายให้หลวงพ่อฟังว่าท่านกําลังทําในเหตุแก้ไขสะสางธาตุธรรมให้หลวงพ่อแล้วอยากรู้ว่าผลออกมาเป็นอย่างไรตรงกันหรือไม่คําว่าสะสางธาตุธรรมนั้นหมายถึงการทําธาตุธรรมให้สะอาดธาตุธรรมในที่นี้ได้แก่ ดิน น้ํา ลม ไฟ วิญญาณ อากาศ ที่ขยายออกมาเป็นกายของเราธาตุน้ําคือ น้ําที่อยู่ภายในตัวเช่น โลหิตและเหงื่อ เป็นต้นธาตุดินคือส่วนที่มีลักษณะแข็ง อย่างเช่น ผม ขน เล็บ ฟัน...

เริ่มเรียนธรรมะใหม่ๆ

ช่วงที่เริ่มเรียนธรรมะ กับคุณยายใหม่ๆราวปี พ.ศ.2506 - 2507 นั้นหลวงพ่ออายุ 19 – 20 ปี หลังจากที่ถาม คุณยายเรื่อง นรกสวรรค์จนได้รับคําตอบ แล้ววันถัดมาท่านก็ให้หลวงพ่อลงมือปฏิบัติธรรมโดยท่านสั่งหลวงพ่อว่า “คุณนั่งไปนั่งไปนั่งไป” หลวงพ่อจึงนั่งอยู่อย่างนั้นซึ่งท่านเองก็นั่งด้วยเพราะฉะนั้นก้าวแรกของหลวงพ่อคือการนั่งสมาธิถ้าเราซักถามกันเพียงอย่างเดียวก็จะไม่ได้เห็นของจริงสมดังภาษิตที่ว่า “สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น”  ถ้าไม่นั่ง ก็จะไม่หายสงสัยเราฟังทฤษฎีมา แล้วว่าต้องทําอย่างนั้นอย่างนี้แล้วเราก็ต้องนํามาปฏิบัติด้วยตัวของเราเอง ไม่มีใครสามารถทําแทนเราได้แม้ แต่คุณยายเมื่อปฏิบัติแล้วจึงเกิดปฏิเวธคือประสบการณ์ภายใน ซึ่งต้องบังเกิดขึ้นกับตัวเองเท่านั้นคุณยายจึงให้หลวงพ่อนั่งไปเรื่อยๆก่อนสมัยนั้นยังอยู่ในวัยหนุ่มยังไม่รู้สึก เมื่อยเท่าไรรู้สึกสนุก...

บ้านกัลยาณมิตรหลังที่ 1

สถานที่เรียนธรรมะของหลวงพ่อในยุคแรกเริ่ม คือ บ้านหลังเล็กภายในบริเวณวัดปากน้ําภาษีเจริญ ถือได้ว่าเป็นบ้านกัลยาณมิตรหมายเลข 1 บ้านหลังนี้เตี้ยกว่าหลังติดๆกันซึ่งสูงกว่าเวลาเพื่อนบ้านเขานึกอยากเทขยะมูลฝอยก็จะสาดโครมลงมาบนหลังคาบ้านคุณยาย แล้วชั้นบนก็เปิดเทปธรรมะที่ตัวเจ้าของบ้านเองอัดไว้หลังจากไปฟังวัดโน้นวัดนี้มาแล้วจึงพูดอัดเทปแล้วเปิดทิ้งเอาไว้ส่วนข้างล่างเปิดโทรทัศน์ แล้วเจ้าตัวก็ไปอยู่หลังบ้านไปคุยกับคนอื่นเลยไม่รู้ว่าเปิดให้ใครฟัง ถึงกระนั้นคุณยายก็อยู่อย่างมีความสุขบ้านหลังเล็กนี้สะอาดมากทีเดียวคุณยายเช็ดจนสะอาดตั้งแต่บันไดทางขึ้นทั้งลูกนอนบันไดข้างใต้ข้างบนเช็ดหมดจดรอบด้านบ้านนี้มีหน้าต่างโบราณแบบแปลกๆ คือขอบสูงห่างจากพื้นที่นั่งสักคืนหนึ่งแล้วคุณยายก็นั่งริมหน้าต่างตรงนั้นนอนตรงนั้นรับแขกตรงนั้นสอนธรรมะก็ตรงนั้นด้วยคุณยายมีช่องเก็บยาที่ไม่มีฝาปิดเป็นที่เปิดโล่งซึ่งท่านเช็ดจนสะอาดแล้วนําขวดยามาเรียงพี่เรียงน้อง คือเรียงขวดตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ตามลําดับเรียงเป็นชั้นๆน่าหยิบน่าใช้ดู แล้วสบายตาพาสบายใจหลวงพ่อเห็นท่านอยู่ตรงนั้นที่เดียวตลอดแต่สะอาดเรียบร้อยดูน่าเลื่อมใสยังสงสัยว่าทําไมท่านไม่เบื่อกับการอยู่ตรงนั้นเข้าใจว่าเป็นเพราะท่านหยุดใจได้แล้วจึงไม่ต้องการอะไรมากมีเพียงของใช้จําเป็นนิดๆหน่อยๆก็มีความสุขได้แล้ว สําหรับของใช้ในบ้าน คุณยายสามารถทําของที่ไม่มีมูลค่าหรือของที่เขาไม่ใช้แล้วให้มีคุณค่าได้ ไม้ที่ปูชั้นล่างของบ้านกัลยาณมิตรหลังที่1ท่านก็ไปเก็บเอามาจากที่เขาทิ้งทําความสะอาดแล้วนํามาไว้ที่ชั้น 1 ส่วนเก้าอี้รับแขกของท่านมี 2 ตัว ใครๆ ก็แย่งกันนั่งท่านเช็ดเสียจนขึ้นเงาเป็นเก้าอี้ติดแอร์ที่เรียกว่าเก้าอี้ติดแอร์เพราะก้นทะลุ แต่ยังมีโครง และพนักพิงสามารถเท้าแขนได้ส่วนอีกตัวไม่มีที่พักแขนแต่มีก้น แล้วตรงกลางก็เชื่อมด้วยโต๊ะรับแขกเป็นโต๊ะที่ เจ้าของเขาทิ้งแล้วเหมือนกัน คุณยายนํากลับมาใช้ใหม่โดยเช็ดให้สะอาด...

ความประทับใจในตัวคุณยาย

ในช่วงเรียนธรรมะกับคุณยายที่บ้านหลังเล็ก หลวงพ่อสังเกตคุณยายอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรก ท่านเป็นผู้เฒ่าอายุประมาณห้าสิบปีเศษ ร่างกายผอมบางเนื้อตัวสะพรั่งไปด้วยเส้นเอ็น แต่ทว่าผิวเรียบตึงนวลผ่องดูสะอาดสะอ้าน น่าเข้าใกล้จุดเด่นของท่านอยู่ที่ดวงตา ซึ่งแลดูเด็ดเดี่ยวสุกใส เหมือนมีความบริสุทธิ์ลึกๆ แฝงอยู่ภายในฉายแววออกมาทางลูกนัยน์ตา หลวงพ่อชอบดวงตาของท่านมาก เพราะสัมผัสได้ถึงความสดใส ความเมตตา และภูมิปัญญาที่ซ่อนเร้นอยู่ทําให้ทุกคนเคารพรัก และนับถือ อีกสิ่งหนึ่งที่หลวงพ่อชื่นชอบมาก คือท่านั่งของท่านท่านั่งขัดสมาธิของคุณยายแลดูสง่ามาก เราเคยได้ยินคําว่า “ทําสมาธิคู้บัลลังก์ ตั้งกายให้ตรง ดํารงสติมั่น” มาแล้วพอเห็นยายก็จะนึกถึงคํานี้กายของท่าน ตั้งตรงไม่เคยเห็นท่านนั่งหลังงอโค้ง หรือเผลอหลับปกติ แล้วท่านนั่งตัวตรงหลังพิงอากาศ ยืดตั้งฉากอย่างเป็นธรรมชาติ...

หลวงพ่อขอบวช

            หลังจากที่คุณยายยืนยันกับหลวงพ่อว่าถ้าเข้าถึงพระธรรมกาย แล้วจะสามารถไปเยือนนรกสวรรค์ได้หลวงพ่อก็ยิ่งมั่นใจ และสนใจมากขึ้นอยากจะพิสูจน์ และทําให้ได้เหมือนอย่างคุณยายเพราะการพิสูจน์ด้วยตนเองเท่านั้นที่จะ ทําให้คําตอบสมบูรณ์ที่สุดสําหรับผู้ที่ได้ยินได้ฟังเรื่องราวเหล่านี้ แล้วยังไม่ได้พิสูจน์ หรือได้พิสูจน์ แต่ยังไม่ถูกหลักวิชชา ก็ไม่ควรด่วนสรุปว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีจริงด้วย คิดว่าตนเองทําไม่ได้แล้ว คนอื่นจะต้องทําไม่ได้เหมือนกัน           การด่วนสรุปเช่นนี้ จะเป็นบาป และขัดขวางตัวเอง...

Editor Picks