อยู่ในระหว่างการทดสอบการใช้งาน

หน้าแรกบทความ

บทความ

Most Commented

นักเรียนของหลวงปู่

คุณยายเคยเล่าว่า เมื่อแรกเริ่มที่เข้าไปอยู่วัดปากน้ํา ภาษีเจริญ ท่านต้องยอมอดทนทุกอย่างเพื่อให้ได้ศึกษาวิชชาธรรมกายจากพระเดชพระคุณหลวงปู่ เนื่องจากรูปกายภายนอกของท่านผ่ายผอมและสะพรั่งไปด้วยเส้นเอ็น คนในวัดมักจะเข้าใจผิดคิดว่าท่านเป็นวัณโรค ซึ่งในสมัยนั้นถือว่าเป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่รักษาให้หายได้ยาก เมื่อเป็นแล้วส่วนใหญ่จะเสียชีวิต ใครๆ จึงพากันรังเกียจท่านเพราะเกรงว่าโรคจะติดต่อมาถึงตน แม้เวลาที่คุณยายไปรับอาหารที่โรงฉัน ก็มีผู้ที่เข้าใจไม่ถูกต้องแสดงอากัปกิริยาอันไม่เหมาะสม เช่น ไสจานข้าวให้คุณยายเพราะไม่อยากเข้าใกล้ แต่ท่านก็ยังคงสงบนิ่งเฉยไม่โต้ตอบด้วยอาการใดๆ คุณยายสามารถรักษาใจให้สงบเป็นปกติได้เพราะท่านมีวิธีการคิดที่แตกต่างจากคนทั่วไปท่านเคยบอกหลวงพ่อว่าให้เราดูเฉยๆ คิดเสียว่าเรามาเพื่อเรียนวิชชาธรรมกาย ส่วนอาหารก็เป็นของพระเดชพระคุณหลวงปู่ ใครจะให้ด้วยอาการอย่างไรก็ไม่เป็นไร ขอเพียงมีข้าวให้ได้รับประทานผ่านไปมื้อหนึ่งก็พอ จะได้มีกําลังวังชาหล่อเลี้ยงร่างกายให้แข็งแรง เอาไว้ใช้สําหรับปฏิบัติธรรม ทําความเพียรศึกษาวิชชาธรรมกาย และตอบคําถามต่างๆ ของพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ําให้ได้เรามีหน้าที่เพียงเท่านี้ การที่ใครเขาคิดว่าคุณยายเป็นวัณโรคก็เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ...

จากไปไม่หวนคืน

เหตุการณ์ที่คุณยายขออนุญาตไปปฏิบัติธรรมเป็นเวลา 1 เดือน แล้วถือโอกาสออกบวชโดยไม่ยอมกลับไปที่บ้านท่าน เศรษฐินีอีกเลยนั้น เป็นสิ่งที่ฝังใจท่านเจ้าของบ้านเป็นอย่างมาก เพราะท่านทั้งรักและเอ็นดูคุณยายยิ่งกว่าใคร แม้กาลเวลาจะผ่านไปหลายสิบปีแล้วก็ยังไม่เคยลืมเลือน มีอยู่ครั้งหนึ่งในขณะที่คุณนายเลี้ยบอายุ 80 กว่าปีแล้ว ท่านได้นิมนต์คณะพระภิกษุ และเชิญอุบาสิกาแม่ชีที่อยู่ในโรงงานทําวิชชา พร้อมกับบุคคลต่างๆ ที่คุ้นเคยไปงานบุญที่บ้านของท่านเพื่อรับปัจจัยเพราะท่านชราภาพมากแล้ว เดินทางไปวัดปากน้ําลําบาก ขณะนั้นหลวงพ่อเป็นนิสิตที่มาปฏิบัติธรรมกับคุณยายเป็นประจํา คุณยายก็ได้รับเชิญให้ไปร่วมรับปัจจัยในครั้งนี้ด้วย. การถวายปัจจัยให้กับอุบาสิกาแม่ชีที่เข้าถึงพระธรรมกายก็เหมือนกับถวายแด่พระภายในตัว แม้ภายนอกจะไม่ได้ครองผ้ากาสาวพัสตร์ แต่ถือได้ว่าบวชภายในชั้นหนึ่งเป็นเหตุให้ได้บุญมาก เมื่อคุณยายกลับจากบ้านคุณนายเลี้ยบแล้วก็เล่าให้หลวงพ่อฟังว่าพอถึงช่วงที่ท่านเศรษฐินีต้องถวายปัจจัยนั้นท่านก็ถวายเรียงไปเรื่อยๆ โดยไม่พูดอะไร แต่พอมาถึงคุณยายอาจารย์เท่านั้นท่านก็รําพึงขึ้นว่า “แม่จันทร์นะแม่จันทร์ ไปแล้วไม่กลับมาเลยนะ” ฝากถ้อยคําความในใจเอาไว้แล้วจึงถวายปัจจัยให้ แสดงให้เห็นว่าคุณงามความดีของคุณยายนั้นไม่เคยลางเลือนไปจากหัวใจของท่านเศรษฐินีเลยแม้ว่าท่านจะตระหนักและซาบซึ้งถึงคุณค่าของการประพฤติปฏิบัติธรรมของคุณยายและอนุโมทนาสาธุการด้วย...

มาช้าไป

เมื่อได้มาถึงวัดปากน้ํา ภาษีเจริญแล้ว คุณยายได้มีโอกาสมากราบพระเดชพระคุณหลวงปู่เป็นครั้งแรก เมื่อท่านกราบหลวงปู่เสร็จแล้วเงยหน้าขึ้นมาเท่านั้น หลวงปู่ท่านก็ชี้หน้าคุณยายแล้วทักเป็นประโยคแรกว่า “มึงมันมาช้าไป” ซึ่งคุณยายท่านก็ไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร ท่านบอกว่าตอนนั้นอายุ 29 ปีไม่น่าจะเรียกว่าเข้าวัดช้า แต่ท่านก็รับฟังไว้เงียบๆ หลวงปู่วัดปากน้ําท่านกล่าวคํานี้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่คุณยายท่านจดจําได้ตลอดชีวิต แม้ว่าคุณยายยังไม่รู้เรื่องราวอะไรมากเพราะเป็นผู้มาใหม่ แต่พระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านเป็นผู้รู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอดทั้งหมดด้วยญาณทัสนะตั้งแต่ก่อนที่คุณยายจะมาถึงแล้วว่า คุณยายเป็นทหารเอกของท่าน การลงมาบังเกิดในครั้งนี้มีภารกิจหน้าที่อะไร คํากล่าวของพระเดชพระคุณหลวงปู่จึงหมายความว่า คุณยายน่าจะมาถึงท่านให้เร็วกว่านี้ในขณะที่คุณยายอายุยังน้อยและแข็งแรงมากกว่านี้การที่ท่านมาถึงเมื่ออายุได้29 ปีก็เรียกได้ว่าอายุเริ่มมากแล้วเพราะการทําวิชชาธรรมกายนั้นหากเริ่มต้นเมื่ออายุยังน้อยในขณะที่ร่างกายมีความแข็งแรงมาก การศึกษาค้นคว้าวิชชาธรรมกายก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถเรียนรู้ได้มากมาย ด้วยเหตุนี้เองหลวงปู่ท่านจึงกล่าวว่า มาช้าไป หลังจากทักทายกันเสร็จแล้วท่านก็ส่งคุณยายเข้าไปในโรงงานทําวิชชาโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนในการทดสอบและคัดสรรใดๆ ทั้งสิ้น...

ฝันบอกเหตุ

เนื่องจากคุณยายไม่ได้ตั้งใจที่จะมาเป็นคนรับใช้ไปตลอดชีวิต เป้าหมายที่แท้จริงของท่านในการมาอาศัยอยู่ที่บ้านของคุณนายเลี้ยบก็คือ การได้โอกาสในการศึกษาธรรมะที่วัดปากน้ํา ภาษีเจริญจนสามารถพบพ่อในปรโลกได้เท่านั้น เมื่อท่านได้พบพ่อในปรโลกเพื่อขออโหสิกรรมและช่วยให้พ้นจากนรกแล้ว ท่านก็มีความปรารถนาอยากจะศึกษาธรรมะเพิ่มเติมจากพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ํา ขณะนั้นท่านมีอายุ 29 ปีท่านก็หารือกับคุณยายทองสุกว่า “พี่ๆ ฉันไม่ได้คิดจะมาเป็นคนรับใช้เขาตลอดชาตินะ ฉันต้องการที่จะไปเข้าวัดศึกษาธรรมะกับหลวงพ่อวัดปากน้ํา ภาษีเจริญ พี่ช่วยพาฉันไปหน่อยสิ”คุณยายทองสุกก็บอกว่า “อีก้างเอ้ย! เอาอย่างนี้ ทําความดีมาก็ตั้งเยอะ เป็นหัวหน้าคนรับใช้บ้านนี้มานานแล้วนี่ เราทําความดีจนกระทั่งเขาไว้วางใจแล้วนี่ เราขออนุญาตเขาไปอยู่รักษาศีล ปฏิบัติธรรมสักเดือนหนึ่งเถอะ” คุณยายทองสุกจึงบอกกับคุณนายเลี้ยบซึ่งท่านก็มีใจยินดีเรื่องธรรมะเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงอนุญาตด้วยความเต็มใจ. ในคืนนั้นเอง หลังจากที่ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว คุณยายก็นอนหลับอยู่ในอู่แห่งทะเลบุญจนถึงเวลาค่อนรุ่งก็ฝันเห็นแม่น้ําสายใหญ่...

ช่วยพ่อจากนรก

เมื่อคุณยายเข้าถึงพระธรรมกายได้หลายวันแล้ว ท่านเล่าว่าดีใจและมีความสุขมาก จึงไปเรียนให้คุณยายทองสุกทราบว่า“พี่ๆ ฉันเห็นองค์พระแล้ว ฉันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับองค์พระแล้ว ฉันอยากไปหาพ่อจังเลย” คุณยายทองสุกจึงชี้แนะหรือต่อธรรมะเพิ่มเติมให้โดยบอกให้คุณยายมองเข้าไปกลางกายในกายตามหลักวิชชาไปเรื่อยๆ ก่อน จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อท่านทําได้ตามอย่างที่คุณยายทองสุกแนะนําแล้วช่วยพ่อจากนรกจิตละเอียดมากและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเห็นกายต่างๆ ภายในชัดเจน คือกายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์กายพรหม กายอรูปพรหมและกายธรรม กายเหล่านี้ซ้อนกันอยู่ ท่านจึงบอกกับคุณยายทองสุกว่า “พี่ ฉันพร้อมแล้วที่จะไปหาพ่อ” เมื่อทราบดังนั้นคุณยายทองสุกจึงพาท่านขึ้นไปบนดาดฟ้าด้วยกันในเวลากลางคืน แล้วก็นั่งนิ่งๆ หยุดในหยุดพร้อมๆกันไป ต่างคนต่างนั่งไปสักระยะหนึ่งจนกระทั่งถึงจุดแห่งความตั้งมั่นของใจ แต่คุณยายทองสุกท่านก็คอยตรวจตราด้วยญาณของท่านไปด้วยว่าศิษย์ของท่านไปถึงระดับนั้นจริงไหมท่านนั่งปฏิบัติประกบคู่ร่วมกันไปโดยต่างก็เห็นซึ่งกันและกันในสมาธิแล้วคุณยายทองสุกก็พูดขึ้นว่า “เอ้า! ละเอียดแล้ว...ทําอย่างนี้...”แล้วท่านก็บอกวิธีการและไปด้วยกัน เมื่อกายเบาละเอียดเท่ากับใจและรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว ไม่ว่าส่งใจไปที่ไหนกายก็จะไปถึงที่นั่น...

กว่าจะเข้าถึงธรรม

สมัยนั้นการคมนาคมลําบากเดินทางไปเรียนธรรมะเป็นประจําก็ไม่สะดวกท่านเศรษฐินีจึงเชิญอาจารย์สอนปฏิบัติธรรมมาจากวัดปากน้ํา ภาษีเจริญ แล้วบุญก็บันดาลให้คุณยายได้พบกับผู้ที่เคยสร้างบารมีร่วมกับท่านมานานนับภพนับชาติกันไม่ถ้วน คือ คุณยายอุบาสิกาทองสุก สําแดงปั้น ผู้เป็นปฐมาจารย์ขณะนั้นท่านยังครองเพศคฤหัสถ์ยังไม่ได้บวชเป็นแม่ชีพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ําได้มอบหมายให้ท่านทําหน้าที่เผยแผ่เพราะท่านเข้าถึงพระธรรมกายแล้ว ท่านจึงได้มาแนะนําธรรมปฏิบัติที่บ้านของคุณนายเลี้ยบ ซึ่งคุณยายอาศัยอยู่เวลาคุณนายเลี้ยบเรียนธรรมะก็จะนั่งกันบนดาดฟ้า ส่วนคุณยายแม้มีความสนใจอย่างมากอยากจะตามขึ้นไปเรียนด้วยแต่ก็ไม่กล้าเพราะคิดว่าตนเป็นคนรับใช้ไม่ควรที่จะเข้าไปนั่งกับเจ้านาย ท่านจึงได้แต่แอบเมียงมองดูและเงี่ยหูฟังว่าสอนอะไรบ้างเมื่อได้ยินคําว่า “สัมมา อะระหัง” เท่านั้นก็ดีใจ แล้วทุ่มเทสุดตัวโดยบริหารจัดสรรเวลาทําภารกิจที่ได้รับมอบหมายเอาไว้ให้เสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์อย่างไม่มีที่ติและสงวนเวลาที่เหลือเอาไว้สําหรับการประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างแอบๆ ซ่อนๆ ลักลอบทําความดีโดย ลองปฏิบัติธรรมด้วยตนเอง   นอกจากนี้คุณยายยังต้องทําความดีเพิ่มเติมด้วยการดูแลและอุปัฏฐากคุณยายทองสุกผู้เป็นครูบาอาจารย์ของคุณนายเลี้ยบด้วยหวังว่าท่านจะถ่ายทอดธรรมะคือวิชชาธรรมกายให้ เมื่อคุณยายอาจารย์ทองสุกมาพักอยู่ที่บ้านเพื่อสอนธรรมะ ท่านก็จะดูแลซักรีดเสื้อผ้า จัดหาอาหาร ที่พัก ที่หลับที่นอนและทุกสิ่งทุกอย่าง พร้อมๆ กับการดูแลเอาอกเอาใจเจ้าของบ้าน...

Editor Picks