อยู่ในระหว่างการทดสอบการใช้งาน

หน้าแรกบทความ

บทความ

Most Commented

ต้องพร้อมเสมอ

นับตั้งแต่เข้ามาอยู่วัดปากน้ํา ชีวิตในทางธรรมของคุณยายก็รุ่งเรืองสว่างไสวมาโดยตลอด ด้วยการเจริญสมาธิภาวนาและศึกษาวิชชาธรรมกายอย่างผาสุก มีความสุขสนุกสนานบุญบันเทิงจากการเรียนรู้ธรรมะภายในกับพระเดชพระคุณหลวงปู่ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย คุณยายมีเพื่อนนักเรียนอยู่หลายรุ่นหลายคนที่ทําวิชชาด้วยกันอยู่ในโรงงาน ภารกิจหลักของท่านคือการเจริญภาวนาทําวิชชากันตลอดทั้งวันทั้งคืนซึ่งชีวิตแบบนี้ก็เป็นสิ่งที่หลวงพ่อปรารถนามากแม้ท่านจะอยู่รวมกันหลายคน แต่ก็เป็นเหมือนกับคนๆ เดียว เพราะว่ามีหัวใจดวงเดียวกัน คุณยายเล่าว่าแม้แต่เวลาซักผ้าหรือทํากิจวัตรกิจกรรมต่างๆ ท่านก็จะค้นวิชชาไปด้วย หมายความว่าท่านซักผ้าแล้วก็สอดส่องญาณมองดูภายในไปพร้อมๆ กัน เป็นการดูในสิ่งที่อยากรู้เพื่อดับความไม่รู้ให้หมดสิ้นไป เป็นการทําวิชชาที่นอกเหนือจากที่ได้รับมอบหมายขณะเข้าเวรรับหน้าที่ในโรงงานหลวงพ่อเคยถามท่านว่ายายทําได้อย่างไร ซักผ้าไป ด้วย ค้นวิชชาไปด้วย ท่านบอกหลวงพ่อว่า “มันไม่เกี่ยวกัน ซักผ้าไป ยายก็ค้นข้างในไป สิ่งที่ยายกลัวมีเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่ความอดอยาก ไม่ใช่กลัวตายแต่กลัวตอบคําถามของหลวงพ่อวัดปากน้ําไม่ได้นอกนั้นไม่กลัวอะไร” ที่คุณยายกล่าวเช่นนี้เป็นเพราะว่าผู้ทําวิชชาไม่อาจทราบเลยว่าพระเดชพระคุณหลวงปู่จะถามอะไรและถามเวลาไหน ถ้าท่านถามเมื่อไร...

คําถามของหลวงปู่

เมื่อคุณยายปฏิบัติธรรมอยู่ในโรงงานทําวิชชาผ่านไปได้4 วันแล้ว หลวงปู่ได้ถามคําถามแรกกับคุณยายว่า “ลูกจันทร์ หลวงพ่อเดินออกมาว่าจะไปหอฉันนะ เห็นนกมันบินมาในอากาศ มันมาเกาะที่หลังคาโบสถ์แล้วมันก็เหลียวไปมองข้างหลัง จากนั้นก็หันกลับไปมองข้างหน้าเหมือนเดิม แล้วมันก็บินออกไป มันทําอย่างนั้นทําไมวะ” เมื่อได้ยินคําถามแล้ว คุณยายก็วางใจจรดนิ่งที่ศูนย์กลางกายเรื่อยไป ท่านบอกว่าตอนนั้นมีอาการประหม่า ตัวสั่นอยู่บ้างเพราะเป็นครั้งแรกที่หลวงปู่ถามท่าน แต่เมื่อนั่งนิ่งได้สักพักก็พบคําตอบ ท่านจึงพูดไปตามภาพที่เห็นว่า“หลวงพ่อเจ้าคะ นกมันบินมาเกาะบนหลังคาเพราะจะไปหากิน มันเหลียวหลังไปเพื่อจําทิศทางที่มันบินมา แล้วมันก็หันกลับไปมองที่หมายข้างหน้า แล้วก็บินออกไปหากินต่อเจ้าค่ะ” เมื่อหลวงปู่ได้ยินคําตอบแล้ว ท่านก็พอใจ บอกว่า “เอ้อ...ต้องอย่างนั้นสิวะ”วันถัดมา พระเดชพระคุณหลวงปู่ก็ถามขึ้นอีกว่า“นี่นะเพิ่งกลับมาจากหอฉัน...

มีอะไรในโรงงาน

คําว่า “โรงงานทําวิชชา” หมายถึง แหล่งค้นคว้าและศึกษาวิชชาธรรมกาย ซึ่งเป็นสถานที่ชชุมนุมของผู้มีบุญ โดยมีพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ําเป็นผู้สอน ภายในโรงงานทําวิชชาจะมีฝากั้นแยกระหว่างพระและอุบาสิกา ทําให้ไม่สามารถมองเห็นหรือไปมาหาสู่กันได้แต่จะมีช่องเล็กๆ เจาะเอาไว้เพื่อให้พระเดชพระคุณหลวงปู่ส่งเสียงผ่านเข้ามาเพื่อถ่ายทอดวิชชาธรรมกายและสั่งงาน คุณยายเล่าว่า ผู้ที่ทําวิชชาอยู่ในนั้นจะนั่งนิ่งต่อวิชชากันไปเรื่อยๆ ไม่ซ้ําวิชชา ไม่ซ้ําเรื่องราว โดยผู้ทําวิชชาไม่ต้องทําอะไรเลยนอกจากทําใจหยุดนิ่งเรียนด้วยพระธรรมกายภายใน เรียนธรรมปฏิบัติโดยไม่ต้องเปิดหนังสือหรือตําราใดๆ นั่งหลับตาด้วยกันเฉยๆ แล้วพระเดชพระคุณหลวงปู่ก็จะถ่ายทอดความรู้ให้การศึกษาและค้นคว้าวิชชาธรรมกายนั้นจะทํากันตลอดต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็น 4 รอบ คือ กลางวัน 2...

คุณยายสอนตัวเอง

เมื่อคุณยายได้มาอยู่ที่วัดปากน้ําแล้ว ท่านก็ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนวิชชาธรรมกายอย่างเอาจริงเอาจังแม้จะมีสิ่งที่ชวนให้หงุดหงิด ฟุ้งซ่าน รําคาญ ขัดเคืองใจอยู่บ้าง แต่ท่านก็ไม่สนใจสิ่งเหล่านั้นเลย ท่านตระหนักดีว่าท่านต้องทําหน้าที่เป็นครูผู้ให้แสงสว่างกับนักเรียนคนแรก ซึ่งก็คือตัวของท่านเอง ท่านสอนตนเองว่าเรามาอยู่วัดปากน้ํานี้ ต้องอดทน อดกลั้นอดออมในทุกสิ่งทุกอย่าง และในหัวใจก็ควรมีแต่ธรรมะและครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชชาให้เท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นถือเป็นเรื่องเล็ก นอกจากนี้คุณยายยังสอนตัวเองอีกว่า เราเกิดมาแสวงหาความสุข ซึ่งความสุขและความทุกข์ก็อยู่ที่ตัวเรา ดังนั้นไม่ว่าใครจะพูดจากระทบกระแทกหรือแสดงอากัปกิริยาที่ไม่น่าพึงใจกับท่าน ท่านก็ไม่ได้รับเอาไว้ไม่เคยถือสาหรือนํามาเป็นอารมณ์แต่อย่างใดท่านมุ่งที่จะศึกษาวิชชาธรรมกายเพียงอย่างเดียวเนื่องจากท่านมาอยู่วัดปากน้ําเพื่อศึกษาวิชชาธรรมกายบุคคลเพียงผู้เดียวที่ท่านต้องนํามาใส่ใจคือหลวงปู่วัดปากน้ําผู้เป็นครูบาอาจารย์ของท่าน หากหลวงปู่วัดปากน้ําสั่งงาน ใช้สอย หรือซักถามเกี่ยวกับธรรมะท่านก็จะต้องค้นคว้าหาคําตอบมาให้ได้นี้คือภารกิจที่อยู่ในใจของคุณยายมาโดยตลอด ด้วยเหตุนี้เอง ใจของคุณยายจึงสว่างไสว และท่านก็สมหวังในการศึกษาวิชชาธรรมกาย ท่านเคยสอนหลวงพ่อบ่อยๆ ว่า...

เมื่อดวงธรรมหายไป

ในช่วงแรกๆ ที่คุณยายอยู่ในโรงงานทําวิชชาท่านเล่าว่าพระเดชพระคุณหลวงปู่ยังไม่ได้สอนอะไรเพียงแต่ให้นั่งวางใจนิ่งๆ เฉยๆ เท่านั้น ประกอบกับเวลานั้นคุณยายไม่สบายพอดีก็พลอยทําให้ดวงธรรมที่เคยเห็นชัดใสนั้นเลือนหายไปโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อคุณยายหลับตาแล้วก็เห็นแต่ความมืดมิด ไม่เห็นความสว่างเหมือนเดิม แต่ก็ยังรู้สึกมีความสุขกับการนั่งหลวงพ่อเคยถามคุณยายว่ารู้สึกอย่างไร ท่านตอบว่า ท่านไม่หวั่นไหว ท่านรู้สึกเฉยๆ และมั่นใจว่าในไม่ช้าก็จะได้เห็นเหมือนเดิม และเมื่อถึงเวลาที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ถามคําถามนักศึกษาวิชชาธรรมกายในโรงงานทําวิชชา ท่านจะถามเรียงทีละคน ซึ่งผู้ที่จะตอบคําถามพระเดชพระคุณหลวงปู่ได้ต้องเห็นธรรมะภายในชัดแจ่มทีเดียว แต่พระเดชพระคุณหลวงปู่คงทราบว่าคุณยายยังไม่พร้อม เมื่อถึงลําดับที่คุณยายจะต้องตอบคําถาม ท่านก็จะข้ามไป เมื่อเวลาล่วงผ่านไปได้2–3 วันแล้ว คุณยายก็ยังคงนั่งอยู่กับความมืด แต่ท่านก็รู้สึกเบาสบายคล้ายกับอยู่ในที่โล่งกว้างเวลากลางคืน ท่านไม่ได้คิดอะไรนอกจากวางใจสบายอยู่ในความมืด สําหรับผู้ที่เคยเห็นความสว่าง แต่อยู่ๆ ดวงธรรมหายไป ยิ่งนั่งอยู่ใกล้พระเดชพระคุณหลวงปู่...

สุขใจตลอดเวลา

ความเป็นอยู่ของคุณยายเมื่อเข้ามาอาศัยในวัดปากน้ําใหม่ๆ ไม่สะดวกสบายนัก ที่นอนที่มีอยู่ก็เป็นเตียงไม้เก่าๆ เอียงๆ ผุพัง สกปรก และเต็มไปด้วยตัวเรือด ส่วนมุ้งก็ขาด ท่านจึงจัดการซ่อมแซมโดยต่อเตียงให้แข็งแรงและเช็ดจนสะอาดสะอ้านส่วนมุ้งก็นํามาปะชุนให้ใช้งานได้ คุณยายนึกอยู่เสมอว่าท่านไม่ได้มาเพื่อแสวงหาความสะดวกสบาย แต่ท่านมาเพื่อศึกษาวิชชาธรรมกาย ถ้าต้องการความสะดวกสบายก็ควรจะอยู่ที่บ้าน แต่ในเมื่อมาอยู่วัดเพื่อเรียนธรรมะแล้วสิ่งเหล่านี้จึงไม่ควรเป็นอุปสรรค คิดแล้วใจของท่านก็ชื่นบาน ตกกลางคืนเมื่อคุณยายเข้านอนแล้ว ตัวเรือดที่ซุกซ่อนอยู่ตามรอยต่อของเตียงไม้ก็ออกมากัดท่านคุณยายจึงต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาจับตัวเรือดใส่กระโถนโดยนําผ้าเช็ดหน้าที่ไม่ใช้แล้วมาวางรองในก้นกระโถน แล้วค่อยๆ จับตัวเรือดใส่ลงไป จากนั้นจึงนํากระดาษแข็งปิดปากกระโถนเอาไว้พอตัวเรือดกัดทีหนึ่งก็ตื่นขึ้นมาจับตัวเรือดใส่กระโถนครั้งหนึ่ง แล้วปิดกระดาษแข็งเอาไว้เป็นเช่นนี้ตลอดทั้งคืน ถึงตอนเช้าก็นําไปปล่อย ให้ชีวิตสัตว์เป็นทาน ใจของท่านก็ปลื้ม อยู่ตลอดเวลา ท่านทําอย่างนี้จนกระทั่งจับตัวเรือดได้หมดเรียบร้อย ไม่มีเหลือให้ปล่อยอีก เตียงของท่านจึงสะอาดหมดจดทุกซอกทุกมุม ด้วยความที่คุณยายเป็นคนสันโดษ...

Editor Picks