อยู่ในระหว่างการทดสอบการใช้งาน

คุณยาย In My Heart

Most Commented

ผีเพื่อนบอกข้อสอบ

มีอยู่ครั้งหนึ่งช่วงที่หลวงพ่อยังเป็นนิสิตอยู่ เพื่อนนิสิตหญิงคนหนึ่งเสียชีวิตที่โรงพยาบาลเพราะเป็นมะเร็งในเม็ดโลหิตขาว แม้เพื่อนๆ จะได้ช่วยกันบริจาคโลหิตให้เป็นจํานวนมากก็ยังช่วยเธอไว้ไม่ได้เพราะหมดอายุขัย พอถึงตอนเช้า เพื่อนนิสิตหญิงอีกคนหนึ่งก็มาคุยกับหลวงพ่อว่า “นี่เธอ เธอทําอย่างไรก็ได้นะให้เพื่อนที่ตายมาบอกข้อสอบให้เราหน่อย” หลวงพ่อคิดว่าเขาคงจะพูดเล่น เพราะอยู่ในหมู่เพื่อนๆ ที่คุ้นเคยกัน พอเลิกเรียนเสร็จหลวงพ่อก็เดินทางไปกราบคุณยายที่วัดปากน้ําทันทีเล่าให้ท่านฟังว่าเพื่อนเขามาบอกอย่างนี้ ท่านนั่งนิ่งๆ ยิ้มๆ แล้วตอบว่า “ค่ะ ก็เอาไปให้เขาเห็นเถอะ” คุณยายนึกสนุกขึ้นบ้างแล้ว ท่านว่า “คุณนั่งๆๆ” พลางชี้ไปที่เสาหัวด้วน เรียกให้หลวงพ่อนั่งสมาธิ หลวงพ่อก็นั่งเอาหลังพิงเสาหัวด้วนเล็กๆ กลางห้องซึ่งเป็นที่ๆ คนอื่นเขาไม่ค่อยนั่งกัน...

ฝากดวงแก้ว

เมื่อถึงวันสงกรานต์คุณยายจะนําพระที่แกะสลักจากหินแก้วธรรมชาติ พระบรมสารีริกธาตุในเจดีย์เล็กๆและดวงแก้วในตู้มาสรงด้วยน้ําฝนสะอาดท่านไม่ใช้น้ําหอม เพราะว่าจะทําให้ผิวของพระบรมสารีริกธาตุเสีย ส่วนดวงแก้วจะใช้น้ําที่ใส่ดอกมะลิผสมน้ําหอมไทยสูตรโบราณสีเขียวคุณยายกับหลวงพ่อช่วยกันสรงน้ําอยู่สองคน นอกจากนี้ยังมีดวงแก้วที่คุณยายรักมากท่านพกติดตัวเป็นประจํา เป็นดวงแก้วเล็กๆที่หลวงพ่อไปหามา อันที่จริงของเดิมท่านมีอยู่แล้วแต่หลวงพ่อไปตระเวนหามาเพิ่มอีกเพราะได้ทราบจากคุณยายว่าดวงแก้วมีอานุภาพ เมื่อประกอบวิชชาธรรมกาย แล้วสามารถนํามาใช้งานให้เป็นประโยชน์ได้ หลวงพ่อออกไปแสวงหาดวงแก้วเพราะอยากได้มาก เมื่อพบแล้วก็นํามาให้คุณยายไม่ว่าใสหรือขุ่นก็เอามาก่อนบางก้อนเป็นหินกึ่งรัตนชาติบางทีได้ดวงแก้วขุ่นๆ มีอยู่ ดวงหนึ่งสีเขียวรูปทรงคล้ายไข่ซึ่งนับว่าหายาก เมื่อหาได้แล้วก็ดีใจมากมาถึงบ้านหลังเล็กแล้วก็นํามาให้คุณยาย ท่านก็รับไปนั่งเข้าที่ตรวจดู หลวงพ่อนําดวงแก้วที่หามาได้มาฝากคุณยายไว้ซึ่งท่านรับฝากโดยเอาผ้าเช็ดหน้ามัดม้วนอย่างดี แล้วใช้เข็มกลัดติดไว้ดูกะทัดรัดมากหลวงพ่อพยายามฝากทําอย่างท่าน แต่ผ้าเช็ดหน้าที่ห่อไว้จะเป็นโพรงไม่กระชับเหมือนของคุณยายการห่อดวงแก้ว ของหลวงพ่อเหมือนการสวมเสื้อผ้าหลวมๆ แต่ของคุณยายเหมือนผ้าแนบเนื้อเป็นแบบเสื้อผ้าของเทวดาเมื่อเวลาผ่านไปหลายเดือนหลวงพ่อคิดถึงดวงแก้วที่ฝากไว้ ก็จะไปขอท่านดูครั้งหนึ่งท่านก็ชอบให้เราดูอัธยาศัยของคุณยายคือ เวลาที่หลวงพ่อถามคําถามหรือส่งของศักดิ์สิทธิ์ให้ท่านท่านจะ หลับตาดูแล้วบอกว่า “นี่ตัวอ่อน” “นี่ตัวแก่” “มันอ่อนยังไงล่ะ...

คุณยายสอนให้รักบุญ

คุณยายสอนหลวงพ่อว่าบุญบารมีนั้น ไม่สามารถได้มาฟรีๆ เราต้องทําของเราเอง เมื่อทําแล้วจึงจะได้ จะให้เป็นบุญหล่นทับนั้นไม่มีต้องทําเองเท่านั้น และไม่ควรเบื่อหน่ายต่อการสร้างบุญบารมี เพราะบุญเป็นที่มาของความสุข และความสําเร็จในชีวิต ขณะที่บาปนํามาซึ่งความลําเค็ญและความทุกข์ทรมาน ในเมื่อบาปเกิดขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง เราต้องเร่งสร้างบุญให้หนาแน่นตลอด 24 ชั่วโมง เหมือนกัน ทั้งทําทานรักษาศีล และเจริญภาวนาเพื่อไม่ให้บาปได้ช่อง ต้องสร้างบุญอย่างถี่ๆ ไปตลอดต่อเนื่อง เมื่อไรที่บุญส่งผลเราจะปลื้มชื่นอกชื่นใจ บุญทุกบุญล้วนส่งผลทั้งนั้นไม่ว่าบุญเล็กบุญปานกลาง หรือบุญใหญ่แต่บางท่านชัดเจน หรือไม่ชัดเจนทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบาปที่เจือปน คุณยายเคี่ยวเข็ญหลวงพ่อเรื่องบุญมาตลอด พบกันวันแรกๆ...

เมื่อคุณยายป่วย

สิ่งต่างๆที่หลวงพ่อเล่ามานี้ยังไม่ถึงจุดที่เป็นจริงของคุณยาย เป็นเพียงแค่ระดับพื้นผิวเราจะรู้จักความเป็นจริงของคุณยายก็ต่อเมื่อเราได้ศึกษาวิชชาธรรมกายกับท่านเท่านั้นแล้วจะหายสงสัยว่าทําไมนั่ง ได้เป็นเวลาหลายๆ ปี โดยไม่เบื่อหน่าย กลับยิ่งชอบ ยิ่งสนุกสนาน นั่งตัวตรงเรื่อยไป เวลาคุยกับท่านเรื่อง วิชชาทีไรหลวงพ่อจะลืมวันลืมคืน แม้กระทั่งยามท่านป่วยหลวงพ่อยังลืมว่าท่านป่วย ครั้งหนึ่งท่านป่วยหนักมากพอป่วยหนักแล้วลูกศิษย์ทั้งหลายก็แทบจะหายไปกันหมด คือมาหาท่านแล้วท่านไม่มีแรงต้อนรับก็เลยกลับไป นอกจากคนที่รักและเคารพนับถือท่านก็จะยังไปมาหาสู่กันอยู่ซึ่งมีอยู่ไม่มาก ยามที่พึ่งท่านได้ก็มาแต่พอท่านป่วยก็หายไปบางคนยังเป็นธุระ พาท่านไปพักรักษาอยู่ในสวนแถวสุขุมวิท หลวงพ่อไปหาท่านทุกวัน ต้องเดินไกลมากจนเหงื่อโซมตัวเห็นท่านนอนอยู่บน เตียงคลุมโปงบ้างเปิดผ้าห่มบ้าง พอไปถึงก็ก้มกราบท่าน แล้วนั่งสมาธิหน้าเตียง เมื่อนั่งหลับตาแล้วก็ถามท่านเรื่องธรรมะ เพราะอยากรู้ในเรื่องที่ค้างอยู่จึงต้อง ถามต่อท่านลุกไม่ไหวก็เปิดผ้าห่มทีคลุมโปงไว้โผล่หน้ามาตอบพอถามท่าน ท่านก็เปิดมาตอบทีหนึ่งเสียง เหมือนไม่ใช่คนป่วยเวลาถามเรื่องธรรมะไม่รู้ท่านเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ท่านตอบเราได้หมดเราก็นั่งอยู่บนพื้นต่อหน้าเตียงตรงนั้นคนเดียว...

หนีพ่อมาหาคุณยาย

ในช่วงที่เรียนธรรมะอยู่กับคุณยายนั้นเองคราวหนึ่งระหว่างปิดเทอมภาคฤดูร้อนโยมพ่อพาหลวงพ่อไปอยู่กับท่านที่ต่างจังหวัด แต่หลวงพ่ออยากไปเรียนธรรมะกับคุณยาย จึงเก็บเสื้อผ้าใส่ กระเป๋า นอนรอเวลาอยู่ที่นอกชาน พอตี 4 ก็เก็บมุ้ง และที่นอนให้เรียบร้อยไปกราบลาโยมพ่อที่หน้าประตูห้องจากนั้นจึงขึ้นรถโดยสารมาวัดปากน้ําภาษีเจริญเพื่อมาหาคุณยายทั้งๆที่ไม่มีเงินติดตัวพลางนึกในใจว่าถ้าพนักงานเก็บค่าโดยสารมาถึง เราจะบอกเขาตรงๆว่าไม่มีเงิน แล้ววันหลังจะเอาเงินมาให้เป็นค่าโดยสารถ้าเขาไม่เชื่อ แล้วจะให้ลงจากรถเราก็จะเดินไปวัดปากน้ําซึ่งมีระยะทางประมาณ 166 กิโลเมตร แต่เรื่องมหัศจรรย์ได้เกิดขึ้นเพื่อนรักคนหนึ่งซึ่งเป็นนิสิตอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(ตอนนี้ปลดเกษียณไปแล้ว) ร้อยวันพันปีก็ไม่คิดว่าจะเจอกันบนรถโดยสาร พอได้เจอก็นั่งติดกันเขาถามว่าจะไปไหนก็ตอบว่าจะไปกรุงเทพฯ คุยกันสักพักเขาถามว่าจะไปพักที่ไหนก็ตอบว่ายังไม่รู้เขาจึงชวนหลวงพ่อให้พักด้วยกัน เพราะเขาจะไปเรียนภาคฤดูร้อน พอพนักงานเก็บค่าโดยสารค่อยๆย่างเข้ามาหลวงพ่อก็ยิ้มแล้วกระซิบบอกเพื่อนว่า ไม่มีเงินติดตัวเลยแทนที่เพื่อนจะกระซิบตอบกลับร้องขึ้นว่าไม่เชื่อหรอกหลวงพ่อ ยืนยันว่าไม่มีจริงๆ เพื่อนถามว่าไม่มีแล้วไปได้อย่างไรได้สิถ้าเขามาก็จะบอกเขาว่าวันหลังจะเอาค่าโดยสารมาให้แต่ถ้าไม่เชื่อก็จะลงเดินพอดีมาเจอกันบนรถเพื่อนก็เลยควักเงินออกจากกระเป๋ามีอยู่ 300 บาทแบ่งให้หลวงพ่อ 150...

สะสางธาตุธรรม

ปกติแล้วเวลาเรียนธรรมปฏิบัติกับคุณยายท่านจะนั่งหลับตาสอนหลวงพ่อซึ่งหลวงพ่อต้องหลับตาตามแล้วเรียนวิชชาธรรมกายจากท่านมีอยู่วันหนึ่งหลวงพ่อเห็นว่าท่านลืมตาจึงสงสัยว่าที่เห็นนั้นจริงหรือไม่หลวงพ่อได้ลืมตาขึ้นมา ดูท่านเห็นท่านกําลังลืมตาดูหลวงพ่ออยู่พอดี  “ยาย...ลืมตาทําไมล่ะ” “เพิ่งลืมเดี๋ยวนี้เอง” “แล้วยายลืมตาทําไม” “ก็ลืมตามาดูคุณน่ะสิ” “ดูทําไมล่ะยาย” “ก็ดูว่าเหตุกับผลมันตรงกันมั๊ย” “คืออะไรยาย...เหตุกับผล” คุณยายอธิบายให้หลวงพ่อฟังว่าท่านกําลังทําในเหตุแก้ไขสะสางธาตุธรรมให้หลวงพ่อแล้วอยากรู้ว่าผลออกมาเป็นอย่างไรตรงกันหรือไม่คําว่าสะสางธาตุธรรมนั้นหมายถึงการทําธาตุธรรมให้สะอาดธาตุธรรมในที่นี้ได้แก่ ดิน น้ํา ลม ไฟ วิญญาณ อากาศ ที่ขยายออกมาเป็นกายของเราธาตุน้ําคือ น้ําที่อยู่ภายในตัวเช่น โลหิตและเหงื่อ เป็นต้นธาตุดินคือส่วนที่มีลักษณะแข็ง อย่างเช่น ผม ขน เล็บ ฟัน...

Editor Picks