อยู่ในระหว่างการทดสอบการใช้งาน

คุณยาย In My Heart

Most Commented

แก้ไขทุกข์มนุษย์

ผู้ทําวิชชาจะต้องทําหน้าที่อยู่ในโรงงานทําวิชชาเป็นกิจวัตร แต่ก็สามารถออกมาทําหน้าที่ข้างนอกได้บ้างในเวลาที่พระเดชพระคุณหลวงปู่รับแขก ซึ่งก็คือช่วงเวลาที่ญาติโยมมากราบหลวงปู่เพื่อขอบารมีท่านให้ช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ พระเดชพระคุณหลวงปู่จะให้ผู้ทําวิชชาในโรงงานออกมากับท่านด้วยหนึ่งคน บางครั้งก็เป็นคุณยายหรืออาจจะเป็นท่านอื่นๆ หลวงปู่จะใช้งานโดยให้ไปดูว่า พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ของแขกที่มากราบนั้นตายแล้วไปไหนท่านจะสั่งว่า “ลูกจันทร์ไปตามมาซิ” คุณยายก็จะรับคําว่า “เจ้าค่ะ” แล้วก็นั่งทําสมาธินิ่งๆ เพื่ออาศัยอานุภาพวิชชาธรรมกายในการตามหาผู้ที่ละโลกไปแล้ว นอกจากนี้ พระเดชพระคุณหลวงปู่ยังช่วยแก้ไขทุกข์ภัยให้กับมนุษย์ หาวิธีการที่จะไม่ให้มนุษย์รบราฆ่าฟันกันเอง ไม่ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย ให้อยู่ดีกินดีฝนตกต้องตามฤดูกาล...

พัดขนนกยูง

ในการทําวิชชาในโรงงานนั้นบางครั้งก็มีกิจกรรมให้ผ่อนคลายกันบ้าง ครั้งหนึ่งพระเดชพระคุณหลวงปู่ได้พัดขนนกยูงมาหนึ่งด้าม แต่ลูกๆ ในโรงงานทําวิชชาของท่านมีอยู่หลายคน การมอบพัดขนนกยูงจึงต้องใช้วิธีเสี่ยงบุญ ใครมีบุญก็จะได้รับพัดขนนกยูงไปท่านจึงให้จับสลากกัน เนื่องจากคุณยายอ่านหนังสือไม่ออก เขียนไม่ได้ท่านจึงจับสลากเป็นคนสุดท้าย โดยสลากได้ผ่านมือของผู้ทําวิชชาคนแล้วคนเล่าจนกระทั่งมาถึงท่านท่านบอกว่าระหว่างนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร เพียงแต่ทํานิ่งๆ เฉยๆ จรดใจไว้ที่ศูนย์กลางกายเท่านั้น พอได้สลากใบสุดท้ายแล้วท่านก็อ่านไม่ออก ต้องยื่นให้คนอื่นอ่านให้ฟัง เขาก็ประกาศว่า “พี่จันทร์ได้ พัดขนนกยูง... พี่จันทร์นามสกุลขนนกยูง ได้พัดขนนกยูง” ซึ่งบรรดาผู้ที่จับสลากด้วยกันนั้น แต่ละคนล้วนเป็นผู้มีบา รมีแก่กล้าแล ะเชี่ย วชาญ วิชชาธรรมกายด้วยกันทั้งสิ้น แต่สลากก็ผ่านมือทุกคนจนมาถึงคุณยายได้ พัดขนนกยูงจากมืออันมีสิริของพระเดชพระคุณหลวงปู่จึงตกเป็นของคุณยาย นับเป็นเหตุการณ์ที่น่าอัศจรรย์ใจ ถึงแม้คุณยายจะจับสลากได้พัดขนนกยูงแต่ท่านก็ไม่ได้ยึดติด...

อยากเปลี่ยนบรรยากาศ

เป็นที่รู้กันดีว่า ผู้ที่อยู่ในโรงงานทําวิชชามักจะไม่ค่อยได้ออกไปไหน เมื่อถึงเวลาทําวิชชาคณะผู้ทําวิชชาก็จะเดินเข้าไปแล้วก็จะมีการปิดประตูใส่แม่กุญแจไว้มียามเฝ้าอีกหลายชั้น ดังนั้นผู้ที่อยู่ในโรงงานทําวิชชาจะต้องเป็นผู้ที่รักการปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริง จึงจะสามารถใช้ชีวิตเช่นนี้ได้ ผู้ทําวิชชาบางคนบอกว่าอยู่อย่างนี้ทั้งวันทั้งคืนเป็นเดือนเป็นปีไม่เคยได้ออกไปที่ไหนเลย หลายท่านได้ขออนุญาตหลวงปู่วัดปากน้ําไปเปลี่ยนบรรยากาศนอกวัดบ้าง เช่น ขอไปทําบุญที่โน่นที่นี่ ไปทอดกฐินทอดผ้าป่า บวชพระ เป็นต้น ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงปู่ก็อนุญาตตามเห็นสมควร แม้ว่าใจจริงแล้วจะไม่อยากให้ออกไปก็ตาม ส่วนคุณยายกลับเป็นบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนเลย มีอยู่ครั้งหนึ่ง คุณยายเล่าว่ามีผู้ทําวิชชาในโรงงานกราบขออนุญาตพระเดชพระคุณหลวงปู่เพื่อไปต่างจังหวัด หลวงปู่ถามว่า “ไปทําไมวะ” “ลูกจะไปกราบรอยพระบาท” หลวงปู่ก็ถามว่า “มึงว่าตัวกับตีนอันไหนดีกว่ากัน” “ตัวดีกว่า” ท่านก็เลยให้ไปกราบพระประธานในโบสถ์สรุปก็คือไม่ต้องไปต่างจังหวัดนั่นเอง อีกครั้งหนึ่ง คุณยายเองอยากจะออกไปข้างนอกบ้างเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ จึงกราบเรียนหลวงปู่วัดปากน้ําว่า...

บางสิ่งที่ตอบไม่ได้

บุคคลเช่นคุณยายนี้ยากที่จะหาได้ในโลกและจักรวาล ท่านอ่านหนังสือไม่ออก นับตัวเลขไม่ได้แต่สามารถตอบคําถามทุกคําถามของพระเดชพระคุณหลวงปู่ที่ถามขึ้นท่ามกลางผู้รู้ทั้งหลายในโรงงานทําวิชชาได้ท่านตอบได้ทุกคําถาม แต่มีอยู่คําถามหนึ่งที่คุณยายตอบไม่ได้และถึงกับทําให้ท่านอึ้งไปคุณยายจําเหตุการณ์ในวันนั้นได้อย่างแม่นยํา และท่านได้เล่าให้หลวงพ่อฟังว่า วันหนึ่ง หลังจากที่หลวงปู่วัดปากน้ําถามคําถามเกี่ยวกับการทําวิชชาเสร็จแล้วท่านก็พูดขึ้นว่า “ลูกจันทร์ปลาสลิดอร่อยตรงไหนวะ”เป็นคําถามหักมุมที่หลวงปู่ถามโดยคุณยายยังไม่ทันตั้งตัว ปกติแล้ว ไม่ว่าพระเดชพระคุณหลวงปู่ถามอะไร คุณยายจะสามารถตอบได้ทุกคําถามอย่างคล่องแคล่วไม่ติดขัด แต่เมื่อพบกับคําถามข้อนี้คุณยายถึงกับชะงัก อึกอัก ตอบไม่ได้เพราะท่านไม่ได้สนใจเรื่องรับประทานอาหารเลย ท่านเพียงแต่รับประทานเพื่อให้ร่างกายมีกําลังในการปฏิบัติธรรมทําความเพียร จึงไม่ได้ใส่ใจหรือยึดติดกับรสชาติของ อาหาร ด้วยเหตุนี้ท่านจึงจํารสชาติของอาหารไม่ได้ เมื่อคุณยายตอบคําถามข้อนี้ไม่ได้พระเดชพระคุณหลวงปู่ก็มีอาการร่าเริง หัวเราะหึๆ แล้วก็ไม่ว่าอะไร พอหลวงพ่อถามคุณยายว่าท่านรู้สึกอย่างไร คุณยายก็บอกว่าท่านไม่ค่อยเข้าใจว่าทําไมหลวงปู่วัดปากน้ําจึงขํา แต่หลังจากนั้นคุณยายก็ไม่ต้องตอบคําถามประเภทนี้อีกเลยจนตลอดชีวิต

ต้องพร้อมเสมอ

นับตั้งแต่เข้ามาอยู่วัดปากน้ํา ชีวิตในทางธรรมของคุณยายก็รุ่งเรืองสว่างไสวมาโดยตลอด ด้วยการเจริญสมาธิภาวนาและศึกษาวิชชาธรรมกายอย่างผาสุก มีความสุขสนุกสนานบุญบันเทิงจากการเรียนรู้ธรรมะภายในกับพระเดชพระคุณหลวงปู่ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย คุณยายมีเพื่อนนักเรียนอยู่หลายรุ่นหลายคนที่ทําวิชชาด้วยกันอยู่ในโรงงาน ภารกิจหลักของท่านคือการเจริญภาวนาทําวิชชากันตลอดทั้งวันทั้งคืนซึ่งชีวิตแบบนี้ก็เป็นสิ่งที่หลวงพ่อปรารถนามากแม้ท่านจะอยู่รวมกันหลายคน แต่ก็เป็นเหมือนกับคนๆ เดียว เพราะว่ามีหัวใจดวงเดียวกัน คุณยายเล่าว่าแม้แต่เวลาซักผ้าหรือทํากิจวัตรกิจกรรมต่างๆ ท่านก็จะค้นวิชชาไปด้วย หมายความว่าท่านซักผ้าแล้วก็สอดส่องญาณมองดูภายในไปพร้อมๆ กัน เป็นการดูในสิ่งที่อยากรู้เพื่อดับความไม่รู้ให้หมดสิ้นไป เป็นการทําวิชชาที่นอกเหนือจากที่ได้รับมอบหมายขณะเข้าเวรรับหน้าที่ในโรงงานหลวงพ่อเคยถามท่านว่ายายทําได้อย่างไร ซักผ้าไป ด้วย ค้นวิชชาไปด้วย ท่านบอกหลวงพ่อว่า “มันไม่เกี่ยวกัน ซักผ้าไป ยายก็ค้นข้างในไป สิ่งที่ยายกลัวมีเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่ความอดอยาก ไม่ใช่กลัวตายแต่กลัวตอบคําถามของหลวงพ่อวัดปากน้ําไม่ได้นอกนั้นไม่กลัวอะไร” ที่คุณยายกล่าวเช่นนี้เป็นเพราะว่าผู้ทําวิชชาไม่อาจทราบเลยว่าพระเดชพระคุณหลวงปู่จะถามอะไรและถามเวลาไหน ถ้าท่านถามเมื่อไร...

คําถามของหลวงปู่

เมื่อคุณยายปฏิบัติธรรมอยู่ในโรงงานทําวิชชาผ่านไปได้4 วันแล้ว หลวงปู่ได้ถามคําถามแรกกับคุณยายว่า “ลูกจันทร์ หลวงพ่อเดินออกมาว่าจะไปหอฉันนะ เห็นนกมันบินมาในอากาศ มันมาเกาะที่หลังคาโบสถ์แล้วมันก็เหลียวไปมองข้างหลัง จากนั้นก็หันกลับไปมองข้างหน้าเหมือนเดิม แล้วมันก็บินออกไป มันทําอย่างนั้นทําไมวะ” เมื่อได้ยินคําถามแล้ว คุณยายก็วางใจจรดนิ่งที่ศูนย์กลางกายเรื่อยไป ท่านบอกว่าตอนนั้นมีอาการประหม่า ตัวสั่นอยู่บ้างเพราะเป็นครั้งแรกที่หลวงปู่ถามท่าน แต่เมื่อนั่งนิ่งได้สักพักก็พบคําตอบ ท่านจึงพูดไปตามภาพที่เห็นว่า“หลวงพ่อเจ้าคะ นกมันบินมาเกาะบนหลังคาเพราะจะไปหากิน มันเหลียวหลังไปเพื่อจําทิศทางที่มันบินมา แล้วมันก็หันกลับไปมองที่หมายข้างหน้า แล้วก็บินออกไปหากินต่อเจ้าค่ะ” เมื่อหลวงปู่ได้ยินคําตอบแล้ว ท่านก็พอใจ บอกว่า “เอ้อ...ต้องอย่างนั้นสิวะ”วันถัดมา พระเดชพระคุณหลวงปู่ก็ถามขึ้นอีกว่า“นี่นะเพิ่งกลับมาจากหอฉัน...

Editor Picks