อยู่ในระหว่างการทดสอบการใช้งาน

คุณยาย In My Heart

Most Commented

มีอะไรในโรงงาน

คําว่า “โรงงานทําวิชชา” หมายถึง แหล่งค้นคว้าและศึกษาวิชชาธรรมกาย ซึ่งเป็นสถานที่ชชุมนุมของผู้มีบุญ โดยมีพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ําเป็นผู้สอน ภายในโรงงานทําวิชชาจะมีฝากั้นแยกระหว่างพระและอุบาสิกา ทําให้ไม่สามารถมองเห็นหรือไปมาหาสู่กันได้แต่จะมีช่องเล็กๆ เจาะเอาไว้เพื่อให้พระเดชพระคุณหลวงปู่ส่งเสียงผ่านเข้ามาเพื่อถ่ายทอดวิชชาธรรมกายและสั่งงาน คุณยายเล่าว่า ผู้ที่ทําวิชชาอยู่ในนั้นจะนั่งนิ่งต่อวิชชากันไปเรื่อยๆ ไม่ซ้ําวิชชา ไม่ซ้ําเรื่องราว โดยผู้ทําวิชชาไม่ต้องทําอะไรเลยนอกจากทําใจหยุดนิ่งเรียนด้วยพระธรรมกายภายใน เรียนธรรมปฏิบัติโดยไม่ต้องเปิดหนังสือหรือตําราใดๆ นั่งหลับตาด้วยกันเฉยๆ แล้วพระเดชพระคุณหลวงปู่ก็จะถ่ายทอดความรู้ให้การศึกษาและค้นคว้าวิชชาธรรมกายนั้นจะทํากันตลอดต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็น 4 รอบ คือ กลางวัน 2...

คุณยายสอนตัวเอง

เมื่อคุณยายได้มาอยู่ที่วัดปากน้ําแล้ว ท่านก็ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนวิชชาธรรมกายอย่างเอาจริงเอาจังแม้จะมีสิ่งที่ชวนให้หงุดหงิด ฟุ้งซ่าน รําคาญ ขัดเคืองใจอยู่บ้าง แต่ท่านก็ไม่สนใจสิ่งเหล่านั้นเลย ท่านตระหนักดีว่าท่านต้องทําหน้าที่เป็นครูผู้ให้แสงสว่างกับนักเรียนคนแรก ซึ่งก็คือตัวของท่านเอง ท่านสอนตนเองว่าเรามาอยู่วัดปากน้ํานี้ ต้องอดทน อดกลั้นอดออมในทุกสิ่งทุกอย่าง และในหัวใจก็ควรมีแต่ธรรมะและครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชชาให้เท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นถือเป็นเรื่องเล็ก นอกจากนี้คุณยายยังสอนตัวเองอีกว่า เราเกิดมาแสวงหาความสุข ซึ่งความสุขและความทุกข์ก็อยู่ที่ตัวเรา ดังนั้นไม่ว่าใครจะพูดจากระทบกระแทกหรือแสดงอากัปกิริยาที่ไม่น่าพึงใจกับท่าน ท่านก็ไม่ได้รับเอาไว้ไม่เคยถือสาหรือนํามาเป็นอารมณ์แต่อย่างใดท่านมุ่งที่จะศึกษาวิชชาธรรมกายเพียงอย่างเดียวเนื่องจากท่านมาอยู่วัดปากน้ําเพื่อศึกษาวิชชาธรรมกายบุคคลเพียงผู้เดียวที่ท่านต้องนํามาใส่ใจคือหลวงปู่วัดปากน้ําผู้เป็นครูบาอาจารย์ของท่าน หากหลวงปู่วัดปากน้ําสั่งงาน ใช้สอย หรือซักถามเกี่ยวกับธรรมะท่านก็จะต้องค้นคว้าหาคําตอบมาให้ได้นี้คือภารกิจที่อยู่ในใจของคุณยายมาโดยตลอด ด้วยเหตุนี้เอง ใจของคุณยายจึงสว่างไสว และท่านก็สมหวังในการศึกษาวิชชาธรรมกาย ท่านเคยสอนหลวงพ่อบ่อยๆ ว่า...

เมื่อดวงธรรมหายไป

ในช่วงแรกๆ ที่คุณยายอยู่ในโรงงานทําวิชชาท่านเล่าว่าพระเดชพระคุณหลวงปู่ยังไม่ได้สอนอะไรเพียงแต่ให้นั่งวางใจนิ่งๆ เฉยๆ เท่านั้น ประกอบกับเวลานั้นคุณยายไม่สบายพอดีก็พลอยทําให้ดวงธรรมที่เคยเห็นชัดใสนั้นเลือนหายไปโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อคุณยายหลับตาแล้วก็เห็นแต่ความมืดมิด ไม่เห็นความสว่างเหมือนเดิม แต่ก็ยังรู้สึกมีความสุขกับการนั่งหลวงพ่อเคยถามคุณยายว่ารู้สึกอย่างไร ท่านตอบว่า ท่านไม่หวั่นไหว ท่านรู้สึกเฉยๆ และมั่นใจว่าในไม่ช้าก็จะได้เห็นเหมือนเดิม และเมื่อถึงเวลาที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ถามคําถามนักศึกษาวิชชาธรรมกายในโรงงานทําวิชชา ท่านจะถามเรียงทีละคน ซึ่งผู้ที่จะตอบคําถามพระเดชพระคุณหลวงปู่ได้ต้องเห็นธรรมะภายในชัดแจ่มทีเดียว แต่พระเดชพระคุณหลวงปู่คงทราบว่าคุณยายยังไม่พร้อม เมื่อถึงลําดับที่คุณยายจะต้องตอบคําถาม ท่านก็จะข้ามไป เมื่อเวลาล่วงผ่านไปได้2–3 วันแล้ว คุณยายก็ยังคงนั่งอยู่กับความมืด แต่ท่านก็รู้สึกเบาสบายคล้ายกับอยู่ในที่โล่งกว้างเวลากลางคืน ท่านไม่ได้คิดอะไรนอกจากวางใจสบายอยู่ในความมืด สําหรับผู้ที่เคยเห็นความสว่าง แต่อยู่ๆ ดวงธรรมหายไป ยิ่งนั่งอยู่ใกล้พระเดชพระคุณหลวงปู่...

สุขใจตลอดเวลา

ความเป็นอยู่ของคุณยายเมื่อเข้ามาอาศัยในวัดปากน้ําใหม่ๆ ไม่สะดวกสบายนัก ที่นอนที่มีอยู่ก็เป็นเตียงไม้เก่าๆ เอียงๆ ผุพัง สกปรก และเต็มไปด้วยตัวเรือด ส่วนมุ้งก็ขาด ท่านจึงจัดการซ่อมแซมโดยต่อเตียงให้แข็งแรงและเช็ดจนสะอาดสะอ้านส่วนมุ้งก็นํามาปะชุนให้ใช้งานได้ คุณยายนึกอยู่เสมอว่าท่านไม่ได้มาเพื่อแสวงหาความสะดวกสบาย แต่ท่านมาเพื่อศึกษาวิชชาธรรมกาย ถ้าต้องการความสะดวกสบายก็ควรจะอยู่ที่บ้าน แต่ในเมื่อมาอยู่วัดเพื่อเรียนธรรมะแล้วสิ่งเหล่านี้จึงไม่ควรเป็นอุปสรรค คิดแล้วใจของท่านก็ชื่นบาน ตกกลางคืนเมื่อคุณยายเข้านอนแล้ว ตัวเรือดที่ซุกซ่อนอยู่ตามรอยต่อของเตียงไม้ก็ออกมากัดท่านคุณยายจึงต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาจับตัวเรือดใส่กระโถนโดยนําผ้าเช็ดหน้าที่ไม่ใช้แล้วมาวางรองในก้นกระโถน แล้วค่อยๆ จับตัวเรือดใส่ลงไป จากนั้นจึงนํากระดาษแข็งปิดปากกระโถนเอาไว้พอตัวเรือดกัดทีหนึ่งก็ตื่นขึ้นมาจับตัวเรือดใส่กระโถนครั้งหนึ่ง แล้วปิดกระดาษแข็งเอาไว้เป็นเช่นนี้ตลอดทั้งคืน ถึงตอนเช้าก็นําไปปล่อย ให้ชีวิตสัตว์เป็นทาน ใจของท่านก็ปลื้ม อยู่ตลอดเวลา ท่านทําอย่างนี้จนกระทั่งจับตัวเรือดได้หมดเรียบร้อย ไม่มีเหลือให้ปล่อยอีก เตียงของท่านจึงสะอาดหมดจดทุกซอกทุกมุม ด้วยความที่คุณยายเป็นคนสันโดษ...

นักเรียนของหลวงปู่

คุณยายเคยเล่าว่า เมื่อแรกเริ่มที่เข้าไปอยู่วัดปากน้ํา ภาษีเจริญ ท่านต้องยอมอดทนทุกอย่างเพื่อให้ได้ศึกษาวิชชาธรรมกายจากพระเดชพระคุณหลวงปู่ เนื่องจากรูปกายภายนอกของท่านผ่ายผอมและสะพรั่งไปด้วยเส้นเอ็น คนในวัดมักจะเข้าใจผิดคิดว่าท่านเป็นวัณโรค ซึ่งในสมัยนั้นถือว่าเป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่รักษาให้หายได้ยาก เมื่อเป็นแล้วส่วนใหญ่จะเสียชีวิต ใครๆ จึงพากันรังเกียจท่านเพราะเกรงว่าโรคจะติดต่อมาถึงตน แม้เวลาที่คุณยายไปรับอาหารที่โรงฉัน ก็มีผู้ที่เข้าใจไม่ถูกต้องแสดงอากัปกิริยาอันไม่เหมาะสม เช่น ไสจานข้าวให้คุณยายเพราะไม่อยากเข้าใกล้ แต่ท่านก็ยังคงสงบนิ่งเฉยไม่โต้ตอบด้วยอาการใดๆ คุณยายสามารถรักษาใจให้สงบเป็นปกติได้เพราะท่านมีวิธีการคิดที่แตกต่างจากคนทั่วไปท่านเคยบอกหลวงพ่อว่าให้เราดูเฉยๆ คิดเสียว่าเรามาเพื่อเรียนวิชชาธรรมกาย ส่วนอาหารก็เป็นของพระเดชพระคุณหลวงปู่ ใครจะให้ด้วยอาการอย่างไรก็ไม่เป็นไร ขอเพียงมีข้าวให้ได้รับประทานผ่านไปมื้อหนึ่งก็พอ จะได้มีกําลังวังชาหล่อเลี้ยงร่างกายให้แข็งแรง เอาไว้ใช้สําหรับปฏิบัติธรรม ทําความเพียรศึกษาวิชชาธรรมกาย และตอบคําถามต่างๆ ของพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ําให้ได้เรามีหน้าที่เพียงเท่านี้ การที่ใครเขาคิดว่าคุณยายเป็นวัณโรคก็เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ...

จากไปไม่หวนคืน

เหตุการณ์ที่คุณยายขออนุญาตไปปฏิบัติธรรมเป็นเวลา 1 เดือน แล้วถือโอกาสออกบวชโดยไม่ยอมกลับไปที่บ้านท่าน เศรษฐินีอีกเลยนั้น เป็นสิ่งที่ฝังใจท่านเจ้าของบ้านเป็นอย่างมาก เพราะท่านทั้งรักและเอ็นดูคุณยายยิ่งกว่าใคร แม้กาลเวลาจะผ่านไปหลายสิบปีแล้วก็ยังไม่เคยลืมเลือน มีอยู่ครั้งหนึ่งในขณะที่คุณนายเลี้ยบอายุ 80 กว่าปีแล้ว ท่านได้นิมนต์คณะพระภิกษุ และเชิญอุบาสิกาแม่ชีที่อยู่ในโรงงานทําวิชชา พร้อมกับบุคคลต่างๆ ที่คุ้นเคยไปงานบุญที่บ้านของท่านเพื่อรับปัจจัยเพราะท่านชราภาพมากแล้ว เดินทางไปวัดปากน้ําลําบาก ขณะนั้นหลวงพ่อเป็นนิสิตที่มาปฏิบัติธรรมกับคุณยายเป็นประจํา คุณยายก็ได้รับเชิญให้ไปร่วมรับปัจจัยในครั้งนี้ด้วย. การถวายปัจจัยให้กับอุบาสิกาแม่ชีที่เข้าถึงพระธรรมกายก็เหมือนกับถวายแด่พระภายในตัว แม้ภายนอกจะไม่ได้ครองผ้ากาสาวพัสตร์ แต่ถือได้ว่าบวชภายในชั้นหนึ่งเป็นเหตุให้ได้บุญมาก เมื่อคุณยายกลับจากบ้านคุณนายเลี้ยบแล้วก็เล่าให้หลวงพ่อฟังว่าพอถึงช่วงที่ท่านเศรษฐินีต้องถวายปัจจัยนั้นท่านก็ถวายเรียงไปเรื่อยๆ โดยไม่พูดอะไร แต่พอมาถึงคุณยายอาจารย์เท่านั้นท่านก็รําพึงขึ้นว่า “แม่จันทร์นะแม่จันทร์ ไปแล้วไม่กลับมาเลยนะ” ฝากถ้อยคําความในใจเอาไว้แล้วจึงถวายปัจจัยให้ แสดงให้เห็นว่าคุณงามความดีของคุณยายนั้นไม่เคยลางเลือนไปจากหัวใจของท่านเศรษฐินีเลยแม้ว่าท่านจะตระหนักและซาบซึ้งถึงคุณค่าของการประพฤติปฏิบัติธรรมของคุณยายและอนุโมทนาสาธุการด้วย...

Editor Picks