อยู่ในระหว่างการทดสอบการใช้งาน

คุณยาย In My Heart

Most Commented

มาช้าไป

เมื่อได้มาถึงวัดปากน้ํา ภาษีเจริญแล้ว คุณยายได้มีโอกาสมากราบพระเดชพระคุณหลวงปู่เป็นครั้งแรก เมื่อท่านกราบหลวงปู่เสร็จแล้วเงยหน้าขึ้นมาเท่านั้น หลวงปู่ท่านก็ชี้หน้าคุณยายแล้วทักเป็นประโยคแรกว่า “มึงมันมาช้าไป” ซึ่งคุณยายท่านก็ไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร ท่านบอกว่าตอนนั้นอายุ 29 ปีไม่น่าจะเรียกว่าเข้าวัดช้า แต่ท่านก็รับฟังไว้เงียบๆ หลวงปู่วัดปากน้ําท่านกล่าวคํานี้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่คุณยายท่านจดจําได้ตลอดชีวิต แม้ว่าคุณยายยังไม่รู้เรื่องราวอะไรมากเพราะเป็นผู้มาใหม่ แต่พระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านเป็นผู้รู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอดทั้งหมดด้วยญาณทัสนะตั้งแต่ก่อนที่คุณยายจะมาถึงแล้วว่า คุณยายเป็นทหารเอกของท่าน การลงมาบังเกิดในครั้งนี้มีภารกิจหน้าที่อะไร คํากล่าวของพระเดชพระคุณหลวงปู่จึงหมายความว่า คุณยายน่าจะมาถึงท่านให้เร็วกว่านี้ในขณะที่คุณยายอายุยังน้อยและแข็งแรงมากกว่านี้การที่ท่านมาถึงเมื่ออายุได้29 ปีก็เรียกได้ว่าอายุเริ่มมากแล้วเพราะการทําวิชชาธรรมกายนั้นหากเริ่มต้นเมื่ออายุยังน้อยในขณะที่ร่างกายมีความแข็งแรงมาก การศึกษาค้นคว้าวิชชาธรรมกายก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถเรียนรู้ได้มากมาย ด้วยเหตุนี้เองหลวงปู่ท่านจึงกล่าวว่า มาช้าไป หลังจากทักทายกันเสร็จแล้วท่านก็ส่งคุณยายเข้าไปในโรงงานทําวิชชาโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนในการทดสอบและคัดสรรใดๆ ทั้งสิ้น...

ฝันบอกเหตุ

เนื่องจากคุณยายไม่ได้ตั้งใจที่จะมาเป็นคนรับใช้ไปตลอดชีวิต เป้าหมายที่แท้จริงของท่านในการมาอาศัยอยู่ที่บ้านของคุณนายเลี้ยบก็คือ การได้โอกาสในการศึกษาธรรมะที่วัดปากน้ํา ภาษีเจริญจนสามารถพบพ่อในปรโลกได้เท่านั้น เมื่อท่านได้พบพ่อในปรโลกเพื่อขออโหสิกรรมและช่วยให้พ้นจากนรกแล้ว ท่านก็มีความปรารถนาอยากจะศึกษาธรรมะเพิ่มเติมจากพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ํา ขณะนั้นท่านมีอายุ 29 ปีท่านก็หารือกับคุณยายทองสุกว่า “พี่ๆ ฉันไม่ได้คิดจะมาเป็นคนรับใช้เขาตลอดชาตินะ ฉันต้องการที่จะไปเข้าวัดศึกษาธรรมะกับหลวงพ่อวัดปากน้ํา ภาษีเจริญ พี่ช่วยพาฉันไปหน่อยสิ”คุณยายทองสุกก็บอกว่า “อีก้างเอ้ย! เอาอย่างนี้ ทําความดีมาก็ตั้งเยอะ เป็นหัวหน้าคนรับใช้บ้านนี้มานานแล้วนี่ เราทําความดีจนกระทั่งเขาไว้วางใจแล้วนี่ เราขออนุญาตเขาไปอยู่รักษาศีล ปฏิบัติธรรมสักเดือนหนึ่งเถอะ” คุณยายทองสุกจึงบอกกับคุณนายเลี้ยบซึ่งท่านก็มีใจยินดีเรื่องธรรมะเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงอนุญาตด้วยความเต็มใจ. ในคืนนั้นเอง หลังจากที่ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว คุณยายก็นอนหลับอยู่ในอู่แห่งทะเลบุญจนถึงเวลาค่อนรุ่งก็ฝันเห็นแม่น้ําสายใหญ่...

ช่วยพ่อจากนรก

เมื่อคุณยายเข้าถึงพระธรรมกายได้หลายวันแล้ว ท่านเล่าว่าดีใจและมีความสุขมาก จึงไปเรียนให้คุณยายทองสุกทราบว่า“พี่ๆ ฉันเห็นองค์พระแล้ว ฉันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับองค์พระแล้ว ฉันอยากไปหาพ่อจังเลย” คุณยายทองสุกจึงชี้แนะหรือต่อธรรมะเพิ่มเติมให้โดยบอกให้คุณยายมองเข้าไปกลางกายในกายตามหลักวิชชาไปเรื่อยๆ ก่อน จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อท่านทําได้ตามอย่างที่คุณยายทองสุกแนะนําแล้วช่วยพ่อจากนรกจิตละเอียดมากและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเห็นกายต่างๆ ภายในชัดเจน คือกายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์กายพรหม กายอรูปพรหมและกายธรรม กายเหล่านี้ซ้อนกันอยู่ ท่านจึงบอกกับคุณยายทองสุกว่า “พี่ ฉันพร้อมแล้วที่จะไปหาพ่อ” เมื่อทราบดังนั้นคุณยายทองสุกจึงพาท่านขึ้นไปบนดาดฟ้าด้วยกันในเวลากลางคืน แล้วก็นั่งนิ่งๆ หยุดในหยุดพร้อมๆกันไป ต่างคนต่างนั่งไปสักระยะหนึ่งจนกระทั่งถึงจุดแห่งความตั้งมั่นของใจ แต่คุณยายทองสุกท่านก็คอยตรวจตราด้วยญาณของท่านไปด้วยว่าศิษย์ของท่านไปถึงระดับนั้นจริงไหมท่านนั่งปฏิบัติประกบคู่ร่วมกันไปโดยต่างก็เห็นซึ่งกันและกันในสมาธิแล้วคุณยายทองสุกก็พูดขึ้นว่า “เอ้า! ละเอียดแล้ว...ทําอย่างนี้...”แล้วท่านก็บอกวิธีการและไปด้วยกัน เมื่อกายเบาละเอียดเท่ากับใจและรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว ไม่ว่าส่งใจไปที่ไหนกายก็จะไปถึงที่นั่น...

กว่าจะเข้าถึงธรรม

สมัยนั้นการคมนาคมลําบากเดินทางไปเรียนธรรมะเป็นประจําก็ไม่สะดวกท่านเศรษฐินีจึงเชิญอาจารย์สอนปฏิบัติธรรมมาจากวัดปากน้ํา ภาษีเจริญ แล้วบุญก็บันดาลให้คุณยายได้พบกับผู้ที่เคยสร้างบารมีร่วมกับท่านมานานนับภพนับชาติกันไม่ถ้วน คือ คุณยายอุบาสิกาทองสุก สําแดงปั้น ผู้เป็นปฐมาจารย์ขณะนั้นท่านยังครองเพศคฤหัสถ์ยังไม่ได้บวชเป็นแม่ชีพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ําได้มอบหมายให้ท่านทําหน้าที่เผยแผ่เพราะท่านเข้าถึงพระธรรมกายแล้ว ท่านจึงได้มาแนะนําธรรมปฏิบัติที่บ้านของคุณนายเลี้ยบ ซึ่งคุณยายอาศัยอยู่เวลาคุณนายเลี้ยบเรียนธรรมะก็จะนั่งกันบนดาดฟ้า ส่วนคุณยายแม้มีความสนใจอย่างมากอยากจะตามขึ้นไปเรียนด้วยแต่ก็ไม่กล้าเพราะคิดว่าตนเป็นคนรับใช้ไม่ควรที่จะเข้าไปนั่งกับเจ้านาย ท่านจึงได้แต่แอบเมียงมองดูและเงี่ยหูฟังว่าสอนอะไรบ้างเมื่อได้ยินคําว่า “สัมมา อะระหัง” เท่านั้นก็ดีใจ แล้วทุ่มเทสุดตัวโดยบริหารจัดสรรเวลาทําภารกิจที่ได้รับมอบหมายเอาไว้ให้เสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์อย่างไม่มีที่ติและสงวนเวลาที่เหลือเอาไว้สําหรับการประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างแอบๆ ซ่อนๆ ลักลอบทําความดีโดย ลองปฏิบัติธรรมด้วยตนเอง   นอกจากนี้คุณยายยังต้องทําความดีเพิ่มเติมด้วยการดูแลและอุปัฏฐากคุณยายทองสุกผู้เป็นครูบาอาจารย์ของคุณนายเลี้ยบด้วยหวังว่าท่านจะถ่ายทอดธรรมะคือวิชชาธรรมกายให้ เมื่อคุณยายอาจารย์ทองสุกมาพักอยู่ที่บ้านเพื่อสอนธรรมะ ท่านก็จะดูแลซักรีดเสื้อผ้า จัดหาอาหาร ที่พัก ที่หลับที่นอนและทุกสิ่งทุกอย่าง พร้อมๆ กับการดูแลเอาอกเอาใจเจ้าของบ้าน...

สะพานเชื่อมวัดปากน้ํา

       หลังจากที่ได้ยินได้ฟังกิตติศัพท์ของหลวงปู่วัดปากน้ําแล้ว คุณยายก็สืบดูว่าใครจะพาท่านไปถึงครูบาอาจารย์ได้แล้วท่านก็ทราบมาว่าคุณนายเลี้ยบ ซึ่งเป็นอุปัฏฐากคนสําคัญคนหนึ่งของวัดปากน้ํา สามารถเป็นสะพานเชื่อมให้ท่านได้ คุณนายเลี้ยบเป็นเศรษฐินีที่ไปทําบุญเลี้ยงพระที่วัดปากน้ําเป็นประจํา เป็นกองเสบียงสําคัญคนหนึ่งของพระเดชพระคุณหลวงปู่ ท่านจึงตั้งใจว่าจะต้องไปอยู่ที่บ้านของคุณนายเลี้ยบให้ได้เสียก่อน เพราะท่านคิดไปตามขั้นตอนว่าท่านยังไม่รู้จักใคร หากไปวัดปากน้ําเองโดยตรงอาจจะไม่มีใครรับเอาไว้เนื่องจากท่านเองก็ไม่ได้เรียนหนังสือ อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้      เมื่อคุณยายไปถึงบ้านคุณนายเลี้ยบท่านก็ยอมตนเป็นคนรับใช้ทั้งที่อยู่บ้านแล้วมีอิสระ แต่ท่านก็ยอมสละทุกสิ่ง ถึงกระทั่งยอมเป็นคนรับใช้เศรษฐินีท่านนี้ ด้วยเพียงหวังว่าคุณนายจะเป็นประดุจสะพานเชื่อมพาท่านไปวัดปากน้ําภาษีเจริญเพื่อเรียนวิชชาธรรมกายท่านศึกษาลู่ทางและวางแผนคิดการใหญ่ไปถึงขนาดนั้น ถือได้ว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลยที่คนมีฐานะพออยู่พอกินไม่เดือดร้อนด้วยเรื่องใดๆ กินอยู่แต่พอดีในวิถีชีวิตสังคมเกษตรกรรม จะต้องมายอมตนเป็นคนรับใช้ถึงขนาดนี้     ด้วยความที่คุณยายเป็นคนมีระบบมีระเบียบและรักความสะอาดมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย...

กิตติศัพท์วิชชาธรรมกาย

คุณยายได้เพียรพยายามเสาะหาว่ามีใครบ้างที่จะสามารถเป็นครูสอนวิธีพบพ่อที่ตายไปแล้วได้จนกระทั่งท่านมีอายุได้18 ปีในที่สุดบุญก็บันดาลให้ท่านได้ยินกิตติศัพท์ของหลวงปู่วัดปากน้ํา ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายซึ่งขณะนั้นท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดปากน้ําภาษีเจริญ โดยหลวงปู่สอนว่าใครก็ตามที่เข้าถึงพระธรรมกายและเรียนวิชชาธรรมกายแล้วจะสามารถไปเยือนนรกหรือสวรรค์ได้จับมือถือแขนชาวสวรรค์หรือสัตว์นรกก็ได้พูดจาโต้ตอบคุยกันรู้เรื่องเหมือนคุยกันกับมนุษย์ในโลก สามารถที่จะไปพบพ่อแม่ ปู่ย่า ตายายบรรพบุรุษ บุพการีญาติสนิทมิตรสหายสัมพันธชนที่ละโลกไปแล้วเพื่อเอาบุญไปให้ได้ส่วนใครที่มีทุกข์อยู่ในอบายก็สามารถช่วยได้ด้วยวิชชาธรรมกาย บุคคลที่จะสอนวิธีการไปนรกไปสวรรค์ ไปช่วยพ่อแม่ได้ถือว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดา เพราะวิชชานี้ไม่มีการเรียนการสอน ในสถาบันการศึกษาใดๆ ในโลก แต่มีที่วัดปากน้ํา ภาษีเจริญ โดยพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ําเป็นผู้สอน เมื่อคุณยายได้ทราบดังนี้ แล้วท่านก็ตื่นเต้นดีใจมาก ความทุกข์ที่อยู่ในอกของท่านก็มลายหายไปครึ่งหนึ่งราวกับได้ของขวัญอันประเสริฐหรือได้สมบัติจักรพรรดิถือว่าเป็นข่าวดีที่สุดที่ไม่มีอะไรจะประเสริฐไปกว่านี้ ท่านปีติมากในระดับที่ตัดสินใจและวางแผนการที่จะไปวัดปากน้ําในทันทีและรอคอยเวลาอันเหมาะสมเพื่อที่จะจัดการเรื่องทางบ้านให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน จนกระทั่งท่านมีอายุได้ 26 ปีจึงสละทรัพย์สมบัติแก้วแหวนเงินทองที่พ่อแม่ให้นํามามอบให้กับพี่น้องและหมู่ญาติจนหมด ส่วนที่ดินท่านก็ถวายพระน้องชายที่บวชอยู่ ในสังคมเกษตรกรรมนั้นใครมีเครื่องประดับต่างๆ ก็ถือว่าเป็นคนมีฐานะเป็นที่นับหน้าถือตา แต่คุณยายท่านก็สามารถ สละสิ่งเหล่านี้ได้หมดเพื่อบรรลุเป้าหมายท่านตั้งใจออกจากเรือน เหมือนนกที่จากคอนเรียกได้ว่า...

Editor Picks